คำศัพท์ที่มีความหมายและใช้ต่างกัน

๑. หิริ หมายถึง ความละอายใจตัวเอง,
ลชฺช หมายถึง ละอายต่อคนอื่นสิ่งอื่น

๒. วสติ หมายถึง อยู่พักชั่วคราว,
ปฏิวสติ อยู่ประจำและการอยู่ทางกาย,
วิหรติ อยู่ด้วยคุณธรรม และหมายถึง
การอยู่ทางกายและทางใจพร้อมกันไปก็ได้

๓. ภุญฺช กินข้าว,
ปริภุญฺช กินของหลายอย่างรวมกัน และหมายถึง การใช้สอย

๔. นี ธาตุ ใช้นำของที่มีวิญญาณ เช่น คน และสัตว์ เป็นต้น
อา-หร ธาตุ ใช้นำของที่ไม่มีวิญญาณ เช่น นำโต๊ะ นาฬิกา เป็นต้น

๕. อรญฺญ ป่าที่ยังมีมนุษย์อาศัยอยู่
วน ป่าที่ไม่มีมนุษย์ตั้งบ้านเรือนอยู่

๖. สายณฺเห เวลาเย็นจวนมืด เกือบจะถึงขนาดที่เรียกว่าพลบค่ำ
สายํ เวลาเย็นยังไม่มืด รองจากค่ำว่า บ่าย

๗. จกฺขุทุพฺพล ตามัว, อนฺธจกฺขุ ตาบาอด

๘. ปาโต ตอนเช้าขนาดที่ว่าได้อรุณแล้ว
กาลสฺเสว เวลาเช้าตรู่ เช้ามืด

๙. ปจฺจูสกาเล, ปจฺจูสสมเย ในเวลาหรือสมัยค่อนรุ่ง
พลวปจฺจูสสมเย ในเวลาจวนรุ่ง

๑๐. สามคฺคี เป็นศัพท์นาม, สามคฺค เป็นศัพท์คุณ

๑๑. จกฺขุ หมายถึง ตาประสาท อกฺขิ หมายถึง ตาทั้งหน่วย

๑๒. อนฺธ เป็นคุณ อนฺธการ เป็นนาม

๑๓. ถญฺญ นมผู้หญิงที่มีน้ำนมให้ลูกกินได้
ถน หมายถึง นมที่ไม่มีน้ำนม หรือเป็นนมผู้ชาย

๑๔. อุทร หมายถึง ท้องใส่ข้าว กุจฺฉิ หมายถึงท้องใส่ลูก

๑๕. วาลิกา หมายถึง ทรายที่นำมาเก็บไว้ใช้ประโยชน์
วาลุกา ทรายที่อยู่ตามธรรมชาติ

๑๖. โอโลเกติ โอโลเกนฺโต การดูด้วยตาเนื้อ
โวโลเกนฺโต แลดูด้วยตาคือ ปัญญาและญาณ

๑๗. คำว่า สิง ถ้าสิงอยู่ในที่ต่างๆ เช่น บ้าน เรือน ต้นไม้ ใช้ อธิวตฺถา
ถ้าสิงอยู่ในตัวคน สัตว์ ใช้ อธิมุจฺจิตฺวา

๑๘. นิสฺสาย อาศัยคน, ตระกูล, ที่อยู่,
ปฏิจฺจ อาศัยเหตุคือข้อความที่เกี่ยวกับเหตุ
อนฺวาย อาศัยวัย, ความเจริญ, ความอยู่ร่วม
อาคมฺม อาศัยความไม่ประมาทเป็นต้น

๑๙. อุปฺปตฺติตฺวา เหาะไปเลยไม่กลับมาอีก
อพฺภุคฺคนฺตวา, อุคฺคมฺม เหาะไปแล้วกลับมา

๒๐. แสดงธรรม คุณความดี ใช้ เทเสนฺโต เทเสติ,
ถ้าแสดงของภายนอกที่แลเห็นได้ด้วยตา
เช่น แสดงศิลปะ กายบริหาร นาฬิกา โต๊ะ ใช้ ทสฺเสนฺโต ทสฺเสติ

๒๑. คำว่า วางลง ถ้าวางสิ่งของที่แบกหามหิ้วมา ใช้ โอตาเรตฺวา
ถ้าวางสิ่งของที่ไม่ได้แบกหามมาหมายถึงของเล็กๆ ใช้ ฐเปตฺวา

๒๒. ปริจฺจชิตฺวา หมายถึงการสละลูกเมีย ทรัพย์สมบัติ สิ่งของ
ถ้าหมายถึงการสละละปล่อยไป ใช้ วิสชฺเชตฺวา เช่น เถรํ วิสชฺเชตฺวา เป็นต้น

๒๓. คำว่า ฉฑฺเฑตฺวา หมายถึงการทิ้งสิ่งของ สัตว์บุคคล ที่ไม่อาลัย
ปหาย หมายถึงการละบาป บุญ ราคะ โทสะ โมหะ เป็นต้น

๒๔. คำว่า อุทกํ หมายถึง น้ำธรรมดาทั่วไป
อาโป หมายถึง น้ำที่เป็นธาตุเดิมไม่มองเห็นได้
ปานียํ หมายถึง น้ำดื่ม
ปริโภชนียํ หมายถึงน้ำสำหรับใช้ทั่วไป
ปานํ หมายถึง น้ำดื่มที่คั้นจากผลไม้ผสมกับสิ่งอื่น

๒๕. คำว่า ไฟ ถ้าหมายถึงไฟที่เป็นธาตุเดิมใช้ เตโช
ถ้าหมายถึงไฟที่มองเห็นได้มีแสงสว่างและหมายถึงไฟคือกิเลสใช้ อคฺคิ
ไฟอันเป็นผลบาปและไฟที่ไหม้บ้านเรือน ใช้ ปาวโก

๒๖. คำว่า ลม ถ้าหมายถึง ลมที่เป็นธาตุเดิมใช้ วาโย
ลมที่พัดมาธรรมดาใช้ วาต

๒๗. คำว่า คีว หมายถึง ลำคอทั้งหมด
คล หมายถึง รูคอหอยเป็นที่เข้าแห่งอาหาร
ขนฺธ หมายถึง ก้านคอ

๒๘. คำว่า อาทีนโว หมายถึงโทษความเสียหายในตัว
อวณฺณํ หมายถึง โทษที่ไม่น่าสรรเสริญ
วชฺช หมายถึง โทษที่ควรงดเว้น
ขลิตํ หมายถึง โทษอันเป็นความพลั้งพลาดเผอเรอ
คำว่า อปราโธ หมายถึง โทษอันเป็นความผิด
คำว่า อจฺจโย หมายถึง โทษที่ล่วงเกิน คือ กิริยาอาการ
คำว่า โทส หมายถึง โทษอันเป็นกิเลสหรือความผิดเสียหาย

๒๙. คำว่า บ่อยๆ เนืองๆ เรื่อยๆ เสมอๆ
ใช้ ปุนปฺปุนํ นิจฺจํ อภิณฺหํ ตัวใดตัวหนึ่งก็ใช้ได้

๓๐. คำว่า หยากเยื่อ ใช้
กจวร สงฺการ อุกฺกลาป ตัวใดตัวหนึ่ง

๓๑. คำว่า เรือน ใช้ เคห หรือ ฆร ก็ได้ อีกนัยหนึ่ง
คห หมายถึง เรือนหลังเดียวที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวหรือเรือนเป็นหลังๆ
ฆร หมยถึง เรือนที่ใหญ่โตรวมกันเป็นกลุ่ม

๓๒. คำว่า สงัด ใช้ วิวิตฺต ปวิวิตฺต หรือ ปนฺต ตัวใดตัวหนึ่ง

๓๓.คำว่า เกิด ถ้าหมายถึง
การเกิดเป็นอย่างนั้น อย่างเช่น เป็นโรคผอมเหลือง ผอมแห้ง ใช้ ชาโต
ถ้าหมายถึงการเกิดในภพหน้า ใช้ นิพฺพตฺโต
ถ้าหมายถึง การเกิดอย่างอัศจรรย์ หรือเกิดอยู่นานแล้ว ใช้ อุปฺปนฺโน

๓๔. คำว่า หลับ
ถ้าหลับตอนกลางวัน ใช้ นิทฺทายิ
ลับตอนกลางคืน ใช้ สุปติ

๓๕. คำว่า นอน ถ้านอนอย่างผู้ใหญ่นอนก็ดี นอนในบ้านเรือนก็ดี ใช้ สยติ
ถ้าหมายถึงการนอนไม่ประจำที่หรือนอนไม่เป็นปกติ
เช่น นอนกลิ้งเกลือกไปมา ใช้ นิปชฺชิตวา นิปชฺชติ

๓๖. คำว่า กเถติ หมายถึงการกล่าวเป็นเรื่องเป็นราวเป็นสูตรไป
วาเจติ, อาห หมายถึงการกล่าวเป็นคำพูดโต้ตอบกันไปมา

๓๗. คำว่า อาจิกฺขิ หมายถึง การบอกเรื่องเล็กๆ หรือบอกเฉพาะคน
อาโรเจสิ นั้นหมายถึงการบอกเป็นเรื่องราวใหญ่โตและบอกแก่หมู่คณะ

๓๘. คำว่า ปหิณิ หมายถึง การส่งของหรือส่งข่าวไปถึงคนโน้นคนนี้
คำว่า เปเสสิ หมายถึง การส่งคนไปโน่นไปนี่

๓๙. คำว่า อุยฺโยเชสิ หมายถึง การส่งคนไปอย่างมีเกียรติอย่างใหญ่โต
เปเสสิ หมายถึง การส่งคนไปอย่างสามัญธรรมดา

๔๐. คำว่า อนุโภสิ หมายถึง การเสวยสุขทุกข์ ผลบุญ ผลบาปและเสวยสมบัติ
คำว่า ปฏิสํเวทยมาโน หมายถึง การเสวยสุขเวทนา วิมุตติสุขอันละเอียด เช่น ความสุขแน่นอน
อันเกิดจากผลฌานและสมาบัติ

๔๑. คำว่า อคฺคึ กโรติ หมายถึง การก่อไฟทีแรก
คำว่า อคฺคึ เทติ หมายถึง การจุดไฟ
คำว่า อคฺคึ ชาเลยฺยาสิ หมายถึง การตามไฟให้สว่าง

๔๒. คำว่า อุคฺคหติ หมายถึง การศึกษาเล่าเรียนอย่างจริงๆ
คำว่า ปริยาปุณนฺติ หมายถึง การศึกษาเล่าเรียนอย่างธรรมดาสามัญ

๔๓. คำว่า นิกฺขมติ หมายถึง การออกไปนอกสถานที่ เช่น บ้าน วัด วิหาร
คำว่า นิสฺสรติ หมายถึง การออกไปนอกโลก ออกไปจากวัฏสงสาร
คำว่า วุฏฺฐาติ หมายถึง การออกจากฌานสมาบัติ

๔๔. คำว่า ปวิสิตฺวา หมายถึง การเข้าไปสู่บ้านสู่เมือง วัด วิหาร
คำว่า สมาปชฺชิตฺวา หมายถึง การเข้าสู่ฌานสมาบัติเตโชธาตุ
คำว่า อุปสงฺกมิตฺวา หมายถึง เข้าไปหาคน

๔๕. คำว่า ปตฺโต หมายถึง การถึงสถานที่ๆ ตนปรารถนาจะไป
หรือถึงที่สุดแห่งการงานที่ตนกระทำ
คำว่า ปาปุณาติ หมายถึง การบรรลุมรรคผลนิพพาน

๔๖. คำว่า ถึง ที่ออกจากคำว่า คนฺตฺวา (คม ธาตุ) หมายถึงการถึงบ้านถึงเมือง
ส่วนคำว่า ถึง (บรรลุ) ที่ออกจากคำว่า อธิคจฺฉติ (อธิ-คม ธาตุ) หมายถึงการบรรลุถึงผลนิพพาน

๔๗. คำว่า อุสฺสาเปติ หมายถึงการยกสิ่งของให้สูงขึ้น เช่น ยกธง เป็นต้น
คำว่า อาโรเปติ หมายถึงการยกคน (อุ้ม) หรือยกธรรมขึ้นสู่ไตรลักษณ์

๔๘. คำว่า วาเรติ หมายถึง การขอคน คือขอลูกสาวของเขาไปแต่งงาน
ยาจติ หมายถึงการของสิ่งของ ขอเรื่องราว ขอพร ขอความสุข

๔๙. คำว่า ปฏิคฺคณฺหาติ หมายถึง การรับประเคน
คำว่า คณฺหาติ หมายถึง การรับสิ่งของหรือการรับของใช้
คำว่า สมาทาย หมายถึง การรับด้วยจิตใจ เช่น รับศีลเป็นต้น

๕๐. คำว่า สํวตฺตติ หมายถึง บุญกุศลเป็นต้น คุณความดีเป็นต้น
คำว่า ปวตฺติ หมายถึง เรื่องราวเป็นไป และรูปธรรมเป็นต้น เช่น ปวตฺติปวรธมฺมจกฺโก
คำว่า วตฺตติ หมายถึง การประพฤติเป็นไปตาม

๕๑. คำว่า ฐเปตฺวา หมายถึง การเว้นสิ่งที่ดีอันเป็นส่วนน้อย หรือบุคคล
คำว่า อญฺญตฺร หมายถึง การเว้นสิ่งที่ดีอันเป็นส่วนมาก
หรือเว้นจากคุณธรรม จากบุคคลที่เป็นหมู่
คำว่า วชฺเชตฺวา หมายถึง การเว้นจากโทษ หรือสิ่งไม่ดี
คำว่า ปฏิวิรโต หมายถึง การเว้นจากการกระทำสิ่งที่ชั่วเป็นบาป
ทำเข้าเป็นเหตุให้เกิดผิดธรรม
คำว่า วินา หมายถึง การเว้นพลัดพรากจากกัน

๕๒. คำว่า สมควร ที่ใช้เป็นคุณบทของนาม ใช้ อนุจฺฉวิกํ หรือ อนุรูปํ ก็ได้
ส่วนคำว่า สมควร อันเป็นตัวกิริยาใหญ่ในประโยค ใช้ ยุตฺตํ บ้าง อรหติ บ้าง วฏฺฏติ บ้าง

๕๓. คำว่า ขึ้นต้นไม้ ขึ้นภูเขา ขึ้นสู่สัตว์พาหนะ ใช้ อภิรุหิตฺวา
ถ้าขึ้นจากน้ำสู่บนบก ใช้ อุตฺตริตฺวา
ลงจากที่สูงสู่ที่ต่ำหรือลงสู่แม่น้ำ ใช้ โอตริตฺวา หรือ โอโรหนฺโต ก็ได้

๕๔. คำว่า อหิริก หมายถึง ความไม่มีความละอายในใจตนเอง
ส่วน นิลฺลชฺช หมายความว่า ไม่มีความละอายต่อผู้อื่น

๕๕. คำว่า นิวาเรติ หมายถึง ห้ามคน
คำว่า นิเสเธติ หมายถึง การห้ามใจตนเอง หรือห้ามความชั่ว
คำว่า ปฏิกฺขิปิ หมายถึง การห้ามหรือคัดค้านความเห็นของคนอื่น

๕๖. คำว่า นิปฺผนฺโน หมายถึง ความสำเร็จแห่งกิจในทางใจ
คำว่า นิฏฺฐาเปตฺวา หมายถึง ความสำเร็จแห่งกิจการงานทางกาย

๕๗. คำว่า ข่ม ถ้าข่มปีติ ใช้ วิกฺขมเภตฺวา
ถ้าข่มคนหรือสัตว์ ใช้ นิคฺคณฺหนฺโต

๕๘. คำว่า ปฏิวึส หมายถึง ส่วนสิ่งของ
คำว่า ภาค หมายถึง ส่วนแห่งธรรม
คำว่า ปเทส หมายถึง ส่วนแห่งผืนหรือแผ่นดิน
คำว่า โกฏฺฐาส หมายถึง ส่วนแห่งบุญ

๕๙. คำว่า อนนุรูปํ หมายถึง กรรมไม่สมควร
คำว่า นานุจฺฉวิกํ หมายถึง สิ่งของไม่สมควร
คำว่า นายุตฺตํ หมายถึง ถ้อยคำ, กรรม, ความตายไม่สมควร

๖๐. คำว่า เฉตฺวา ใช้ในการตัด ราคะ โทสะ โมหะ
และสิ่งภายนอก เช่น ตัดต้อนไม้เป็นต้น
แต่ ฉินฺทิตฺวา ใช้ได้อย่างเดียว คือ ตัดสิ่งของ ต้นไม้
จะใช้ตัดกิเลสต่างๆ มีราคะเป็นต้นไม่ได้

๖๑. คำว่า ป่าช้า ถ้าเป็นป่าช้ที่เผาศพ ใช้ อาฬาหน
ถ้าเป็นที่เก็บศพ ใช้ สุสาน
ถ้าเป็นป่าช้าที่เก็บผีดิบ ผีตายโหง ใช้ อามกสุสาน

๖๒. คำว่า เวเสน ด้วยสามารถแห่งเพศ ใช้แปลงเพศสำหรับคน
คำว่า วณฺเณณ ใช้แปลงเพศสำหรับพวกเทวดา

๖๓. คำว่า อลงฺการ หมายถึงเครื่องประดับทั่วไป
ปิลนฺธน หมายถึง เครื่องประดับเฉพาะอย่าง

๖๔.คำว่า ละมไหศวรรย์ราชสมบัติ คำมคธว่า สิริรชฺชสมฺปตฺตึ ปหาย,
รชฺชสมฺปตฺตึ ปหาย, รชฺชํ ปหาย
คำใดคำหนึ่งก็ใช้ได้

คำที่มีความหมายต่างกันนี้ ยกมาให้เห็นพอเป็นอุทาหรณ์เพียงส่วนย่อยเท่านั้น
ส่วนนอกจากนี้ยังมีอีกมากมาย ขอจงได้สังเกตและขอความแนะนำจากท่านผู้รู้ทั้งหลายด้วย


.......................................................................
จาก หนังสือคู่มือ ฝึกหัดแต่งไทยเป็นมคธ สำหรับ ป.ธ.๔-๕-๖ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์(มานิต ถาวโร ป.ธ.๙)
อดีตกรรมการแผนกตำรา มหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์และมหาเถรสมาคม คม