สัตตมีวิภัตติ

บทสัตตมีวิภัตติที่ลงในอรรถต่างๆ มีระเบียบในการเรียงอย่างนี้
๑. ที่ลงในอรรถ ปฏิจฉันนาธาร พยาปิกาธาร วิสยาธาร
สมีปาธาร อุปสิเลสิกาธาร กาลสัตตมี และ นิมิตตสัตตมี


เมื่อขยายนามหรือกิริยาใด ให้เรียงไว้หน้าบทนามหรือกิริยา
พึงเห็นตัวอย่างโดยลำดับ ดังต่อไปนี้
ก. ปฏิจฉันนาธาร
ที่ขยายนาม อุ. อมฺหากํ เคเห พหุธนํ
ที่ขยายกิริยา อุ. เอกสฺมึ กูเฏ ปกฺขิปิตฺวา ภูมิยํ นิกฺขนิตฺวา ฐเปสิ

ข. พยาปิกาธาร
ที่ขยายนาม อุ. จตูสุ สมุทฺเทสุ ชลํ ปริตฺตกํ
ที่ขยายกิริยา อุ. ตํ ปุปฺผํ ธาเรนฺตสฺส สรีเร คนฺโธ ผรติ.

ค.วิสยาธาร
ที่ขยายนาม อุ. ตสฺมึ โข ปน นิเวสเน สพฺเพ ทาสกมฺมกรา วิสาขาย สนฺตกาว.
ที่ขยายกิริยา อุ. สตฺถา........เชตวนมหาวิหาเร วิหรติ.

ฆ.สมีปาธาร
ที่ขยายนาม อุ. คาเมอาราโม.
ที่ขยายกิริยา อุ. กปณทฺธิกาทีนํ เคหทฺวาเร ปากวตฺตํ ปฏฺฐเปสิ.

ง. อุปสิเลสิกาธาร
ที่ขยายนาม อุ. คนฺธมาทนปพฺพเต เอโก ปจฺเจกพุทฺโธ สมาปตฺติโต วุฏฺฐหิ.
ที่ขยายกิริยา อุ. ตานิ เคหตฺวา ปญฺจสตา หตฺถี ปญฺจนฺนํ ภิกฺขุสตานํ
มตฺถเถ ธารยมานา ฐสฺสนฺติ.

จ. กาลสัตตมี
ขยายนาม อุ. ตทา ภิกฺขเว ราชา อานนฺโท อโหสิ.
ขยายกิริยา อุ. ตสฺมึ ขเณ อาราโม ตุจฺโฉ อโหสิ.

ฉ. นิมิตตสัตตมี
ขยายนาม อุ. ภควา อิตเรสญฺจ อาปตฺติยา อทสฺสเน อาทีนวํ กเถตฺวา....
ขยายกิริยา อุ. สุขทุกฺเข น เวธติ.

๒. ที่ใช้ในอรรถ นิทธารณะ มีคติดุจ ฉัฏฐีวิภัตติ
เมื่อเป็นนิทธารณะของบทใด ย่อมเรียงอยู่หน้านามบทนั้น
เว้นไว้แต่บทนิทธารณะ ที่มีสระนำหน้า อย่าง เอตฺถ เอเตสุ เป็นต้น
นิยมเรียงไว้หลังบทนิทธารณียะบ้าง เพราะประสงค์จะสนธิกับบทอื่น
บทนิทธารณะนี้ใช้ได้ทุกวิภัตติเว้นแต่วิภัตติอาลปานะเท่านั้น
เมื่อข้อความที่เป็นนิทธารณะแทรกเข้ามาในตอนใด ก็เรียงไว้ตอนนั้น
เหมือนพวกอนาทรและลักขณะ ฉะนั้น พึงเห็น อุ. ดังนี้
ก. เตสุ (ตีสุ ราชกุมาเรสุ) ปเทสนทิกุมาโร สิปฺปํ ทสฺเสตฺวา
ปสนฺเนน ปิตรา รชฺเช อภิสิตฺโต นี้นามเป็น นิทธารณะ
ข. อมฺเหสุ โย ปฐมํ อมตํ อธิคจฺฉติ โส อาโรเจตุ.
อีก. อุ. เตสุ เอเกโก (ภิกฺขุ) จกฺขุทฺวาราทีสุ ปญฺจสุ ทฺวาเรสุ เอเกกเมว รกฺขติ.
นี้คุณเป็นนิทธารณะ ส่วนตัวอย่างในรูปวิภัตติอื่น ก็พึงเทียบเคียงโดยนัยนี้.

๓. ที่ลงในอรรถลักขณะ มีนัยตรงกันเข้าจากประโยคอนาทร
เพราะข้อความของลักขณะกล่าวอนุโลมตามความในประโยคใหญ่
ไม่ขัดแย้งกัน และต้องมีลักขณะกิริยาซึ่งต้องประกอบด้วยลิงค์ วจนะ
วิภัตติ เสมอด้วยบทลักขณะนั้นด้วย การเรียงมีนิยมเหมือน อนาทร
คือเรียงไว้ต้นประโยคอย่าง ๑ เรียงไว้ในระหว่างประโยคอย่าง ๑
มี อุ. เทียบ ดังนี้
ก. เทว ตยิ รชฺชํ กาเรนฺเต อรุโร น อุฏฺฐาติ.
ข. ตุมฺเห นาม มาทิสสฺส พุทฺธสฺส สนฺติเก ปพฺพชิตฺวา
มยิ สามคฺคึ กโรนฺเต มม วจนํ น กริตฺถ.

๔. บทกาลสัตตมี เป็นนามก็ดี เป็นนิบาติก็ดี
เมื่อบอกกาลครอบคลุมทั้งประโยค นิยมเรียงเป็น ๒ อย่าง คือ
เรียงไว้ต้นประโยค ๑ เรียงไว้เป็นที่สองของประธาน ๑

พึงสังเกตตัวอย่างดังต่อไปนี้
ก. เรียงไว้ต้นประโยค เช่น ตสฺมึ ขเณ ตา กุมาริกาโย คามทฺวารํ ปตฺวา
สตฺถารํ ทิสฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺฐํสุ.
และ อถ นํ เต (อาจริยุปชฺฌายา) สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา สตฺถุ ทสฺเสสุํ.

ข. เรียงไว้ที่สองของประธาน
เช่น สตฺถา อาสาฬหปุณฺณมีทิวเส อนฺโตนครํ ปาวิสิ.
ในข้อ ข. นี้ สัตตมีที่บอกกาล นิยมใช้แต่ที่เป็นนาม
เป็นนิบาตไม่ใช้เพราะนิบาตเรียงไว้ได้แต่ต้นประโยค
จะเรียงไว้ตามระหว่างประโยคไม่ได้

๕. ถ้าเป็นกาลสัตตมีที่บอกกาลเป็นตอนๆ ในระหว่างประโยค
เมื่อแสดงกาลในตอนไหน หรือเข้ากับบทไหน ก็เรียงไว้ตอนนั้น
หรือบทนั้น พึงสังเกต อุ. อถ นํ ทหรกาเล คนฺตวา
ปรุฬฺหเกสมสฺสุกาเล อาคตตฺตา น โกจิ สญฺชานิ.

๖. กาลสัตตมีที่เป็นนิบาต และเป็นนาม เมื่อมาร่วมกัน
ให้เรียงนิบาตไว้หน้านาม เช่น อุ. อถ เนสํ อปรภาเค มาตาปิตโร กาลมกํสุ
อถ กาลสัตตมี เมื่อบทกาลสัตตมีที่อยู่ข้างหลังก็ดี
บทอื่นก็ดี ที่มีสระนำหน้า นิยมให้เข้าสนธิกับ อถ ศัพท์
เพื่อความไพเราะรัดกุมของสำนวนภาษามคธ เช่น
อถ เอกทิสวํ เป็น อเถกทิวสํ,
อถ เอกสฺมึ เป็น อเถกสฺมึ,
อถ อปรภาเค เป็น อถาปรภาเค ดังนี้เป็นต้น.

๗. วิสยาธาร ถ้าเล็งเอาที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะแห่ง เช่น
ในบ้าน ในเรือน ในกุฏี ในวิหาร นิยมเรียงไว้หน้าบทที่ตนขยาย
ถ้าแสดงถึง สถานที่สาธารณะ เช่น เป็นเมือง ชนบท รัฐ แว่นแคว้น
นิยมเรียงไว้ต้นประโยค เช่น
สาวตฺถิยํ กิร เอโก อุปาสโก ธมฺเมน อคารํ อชฺฌาวสติ.
โกสลรฏฺเฐ กิร ปญฺจสตา ภิกฺขู วสฺสํ วสิตฺวา........เอกมนฺตํ นิสีทึสุ.
ราชคเห กิร เอกา เสฏฺฐิธีตา โสฬสวสฺสุทฺเทสิกา อภิรูปปา อโหสิ ทสฺสนียา.
เวสาลิยํ หิ มหาลิ นาม ลิจฺฉวี วสติ.

๘. กาลสัตตมี ที่มาจากนามร่วมกันสองบท
ให้เรียงบทที่เป็นกาลสัตตมีรวม(กาลรวม)ไว้หน้าบทที่เป็นกาลย่อย
เช่น เรียงที่บอกวันไว้หลังที่บอกเดือน ที่บอกเดือนไว้หลังที่บอกปี
ที่บอกเวลาไว้หลังที่บอกวัน เช่น ตัวอย่าง
ตํ ทิวสํ ภควา พลวปจฺจูสสมเย มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฏฺฐาย อุปนิสฺสยํ อทฺทส.
โส หิ เอกทิวสํปุพฺพณฺหสมเย ธนุํ อาทาย....จินฺเตนโต...

ข้อที่ควรจำ
๑. บาทกาลสัตตมี ที่บอกกาลคลุมทั้งประโยค ให้เรียงไว้ต้นประโยคก็ได้
หรือจะเรียงไว้เป็นบทที่สอง รองจากบทประธานก็ใช้ได้.

๒. กาลสัตตมีย่อย ในระหว่างประโยค
เมื่อแสดงกาลตอนไหนก็เรียงไว้ที่ตอนนั้นหน้ากิริยาที่ตอนขยาย
กาลสัตตมีที่เป็นนิบาต นิยมเรียงไว้หน้า กาลสัตตมีที่เป็นนาม
กาลสัตตมีที่เป็นกาลย่อย เรียงไว้หลัง กาลสัตตมีที่เป็นกาลรวม

๓. วิสยาธาร ที่แสดงถึงสถานที่อยู่โดยเฉพาะแห่งเรียงไว้ต้นประโยคโดยมาก.


จาก หนังสือคู่มือ ฝึกหัดแต่งไทยเป็นมคธ สำหรับ ป.ธ.๔-๕-๖
สมเด็จพระมหาวีรวงศ์(มานิต ถาวโร ป.ธ.๙) อดีตกรรมการแผนกตำรา มหามกุฏราชวิทยาลัย
ในพระบรมราชูปถัมภ์และมหาเถรสมาคม