เรื่องวิกติกัตตา
บทที่ใช้เป็นวิกติกัตตานั้น มาจากนามบ้าง คุณนามบ้าง กิริยากิตก์บ้าง ดัง อุ.
นามนาม ราชา วา โหตุ, พุทฺโธ วา.
คุณนาม สีลสมฺปนฺนา จ ภิกฺขู สเทวกสฺส โลกสฺส ปิยา โหนฺติ,
กิริยากิตก์ มหากุสิต นิปชฺชิตฺวา สยนตฺถาย อรญฺญํ ปวิฏฺโฐสิ เป็นต้น
บทวิกติกัตตาที่มาจากคุณและกิริยา
ต้องเปลี่ยนให้มี ลิงค์ วจนะ วิภัตติ เสมอด้วยนาม
ที่เป็นเจ้าของ ดุจ อุ. ข้างต้นนั้น
แต่ถ้ามาจากนามแท้
เปลี่ยนแต่วจนะกับวิภัตติเท่านั้น ส่วนลิงค์ไม่ต้องเปลี่ยน
ให้คงอยู่ตามสัญชาติเดิมของตน พึงเห็น อุ.
พุทฺโธ เม สรณํ วรํ. สจฺจํ เว อมตา วาจา.
ในที่นี้ พุทฺโธ กับ สรณํ,สจฺจํ กับ วาจา ลิงค์คนละอย่าง
ส่วนระเบียบการเรียงบทวิกติกัตตา มีนัยอันจะพึงทราบดังต่อไปนี้
๑. ถ้ามีบทเดียว ให้เรียงไว้ใกล้กิริยา หลังประธาน
นี้ว่าโดยส่วนมาก แต่ในที่ต้องต้องการเน้นความ มีเรียงไว้หน้าประธานบ้าง
แต่น้อย เช่น อุ. ทีฆายุโก โน โหตุ มหาราชา
ซึ่งแปลว่า ขอพระเจ้าอยู่หัวของชาวเรา จงเป็นผู้มีพระชนมายุยืนเถิด
ในประโยคที่มีบทวิกติกัตตาตั้งแต่ ๒ บทขึ้นไป
มีบทนามเป็นเจ้าของตัวเดียวกัน นิยมเรียงไว้หน้ากิริยาแต่บทหน้า
นอกนั้นเรียงไว้หลังกิริยาทั้งหมด จะมีสักกี่บทก็ตาม ดัง อุ.
เอกสฺมึ หิ สมเย เวสาลี อิทฺธา อโหสิ ผีตา พหุชนา อากิณฺณมนุสฺสา.
ในประโยคที่มีบทวิกติกัตตาเพียงบทเดียว แต่มีบทประธานหลายบท
ควบด้วย จ ศัพท์ บทวิกติกัตตาพร้อมทั้งกิริยาคุมพากย์ ต้องทำให้พหูพจน์ ดัง อุ.
พิมฺพิสาโร จ ปสฺเสนทิโกสโล จ อญฺญมญฺญํ ภคีนีปติกา โหนฺติ.
แต่บางประโยคที่มีบทประธานเป็นเอกพจน์และควบด้วย วิกัปปัตถนิบาต
คงเรียงเป็นเอกพจน์ตามบทประธาน บางครั้งในฐานที่รู้จักกัน
ก็ทิ้งกิริยาเสียงบ้าง ดัง อุ. เช่น อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ
๒. ในประโยคกัตตุวาจก บทวิกติกัตตา นิยมประกอบเป็นปฐมาวิภัตติเสมอไป
จะมีวิภัตติอื่นบ้างก็เห็นแต่ในรูป ตติยาวิภัตติเท่านั้น ดัง อุ.
เตน ปฐมคามินา หุตฺวา สมนฺนาคตา
ในประโยคกัมมวาจกและ ภาววาจก
ต้องประกอบเป็นตติยาวิภัตติโดยส่วนเดียว จะเป็นวจนะอะไรก็สุดแต่บทกัตตา
อุ. อสเฐน อมายานินา หุตฺวา กลฺยาณชฺฌาสเยน ภวิตพฺพํ.
อกุสิเตน ภวิตพฺพํ อารทฺธวีริเยน.
อุทาหรณ์สำหรับกัมมวาจก ก็เทียบเคียงโดยนัยนี้
ส่วนกิริยาที่มีหน้าที่ทำบทที่อยู่ใกล้ให้เป็นวิกติกัตตานั้น
ย่อมสำเร็จรูปมาแต่ หุ, ถู, อสฺ, และ ชา ธาตุ
ประกอบอาขยาตบ้าง กิตก์บ้าง มีนิยมในการเรียงดังต่อไปนี้
ก. หุ ภู อสฺ ธาตุ นิยมใช้ในรูป อาขยาตมาก
เช่น โหติ ภวติ อิตฺถิ เป็นต้น.
ข.หุ ธาตุ ในรูปกิริยากิตก์ มักจะประกอบด้วย ตฺวา ปัจจัย
เช่น หุตฺวา มาก ส่วนที่ประกอบด้วย อนฺต ปัจจัย ก็มีบ้างห่างๆ
เช่น โหนฺโต ปัจจัยนอกนั้นไม่ปรากฏว่านิยมใช้ประกอบ,
ภู ธาตุ นิยมประกอบด้วย ต ปัจจัย เช่น ภูโต,
ตพฺพ ปัจจัย เช่น ภวิตพฺพํ, มาน ปัจจัย เช่น ภวมาโน
ตุํ ปัจจัย เช่น ภวิตุํ, หุ ธาตุ ประกอบด้วยปัจจัยนี้บ้างห่างๆ เช่น โหตุํ
อสฺ ธาตุ นิยมประกอบด้วย อนฺต มาน ปัจจัย เช่น
สนฺโต สมาโน เป็นพื้น ปัจจัยอื่นไม่ปรากฏว่านิยม
ใช้ ชา ธาตุ นิยมประกอบด้วย ต ปัจจัย เป็นพื้น ปัจจัยอื่นไม่นิยมใช้
เห็นมีแต่รูป ชาโต ใน รูปกิริยาอาขยาตใช้เป็นวิกติกัตตา แต่มีน้อย
เช่น อุ. อตฺโถ ชายติ. ........ อชิคุจฺฉนียํ ชายติ. ....... อชิคุจฺฉนีโย ชายติ
แปลกันว่า “เกิดเป็น” อย่างกิริยาทั่วไป
๓. บทวิกติกตฺตาที่เป็น อุปมา
คติการเปลี่ยนแปลงก็เหมือนกับที่กล่าวมาแล้ว ในข้อ ๒
เป็นแต่เพิ่ม วิย ศัพท์เข้าเท่านั้น ส่วน อิว ศัพท์ ไม่ปรากฏว่ามีใช้
ในลักษณะเช่นนี้ พึงเห็น อุ. ปิตุ วจนํ สีเส อาสิตฺตสตปากเตลํ วิย อโหสิ.
อีก อุ. สุชาตา โถกํ อากุลา วิย หุตฺวา.....
๔. ในการเรียงบทวิกติกัตตา ซึ่งมีตั้งแต่สองบทขึ้นไป
อันเป็นเจ้าของร่วมกันบทเดียว ตามนัยที่กล่าวแล้วในเบื้องต้นว่า
ให้เรียงไว้หน้ากิริยาว่ามีว่าเป็นบทหนึ่ง เหลือนั้นเรียงไว้หลังกิริยานั้น
คำว่า กิริยา ในที่นี้หมายเอาเฉพาะกิริยาอาขยาต เช่น โหติ เป็นต้น
ถ้าเป็น หุตฺวา ไม่นิยมเรียงสลับ เช่น เมื่อมีวิกติกัตตาหลายบทอยู่ใกล้ หุตฺวา
ก็คงเรียงไว้หน้าทั้งหมด
|