สมชีวิสูตร
ว่าด้วยคู่สร้างคู่สม......ตามหลักพุทธศาสนา

[ ๕๕ ] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ เภสกฬามฤคทายวัน
ใกล้บ้านสุงสุมารคีระ แคว้นภัคคะ ครั้งนั้นแล เวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงนุ่งแล้ว
ทรงถือบาตรและจีวรเสด็จ เข้าไปยังนิเวศน์ของนกุลบิดาคฤหบดี
แล้วประทับนั่งบนอาสนะที่ปูลาดไว้

ครั้งนั้นแล คฤหบดีผู้นกุลบิดาและคฤหปตานีผู้นกุลมารดา
เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้ว นั่ง ณที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้ว คฤหบดีผู้นกุลบิดาได้กราบทูลกะพระผู้มีพระภาคว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นับแต่เวลาที่ตระกูลนำคฤหปตานีผู้นกุลมารดาซึ่งยังเป็นสาวมา
เพื่อข้าพระองค์ผู้ยังเป็นหนุ่มข้าพระองค์มิได้รู้สึกจะประพฤตินอกใจคฤหปตานี
ผู้นกุลมารดาแม้ด้วยใจเลย ที่ไหนจะประพฤตินอกใจด้วยกายเล่า
ข้าพระองค์ทั้งสองปรารถนาพบกันและกันทั้งในปัจจุบันทั้งในสัมปรายภพ

แม้คฤหปตานีผู้นกุลมารดา ก็ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นับแต่เวลาที่ตระกูลนำหม่อมฉันซึ่งยังเป็นสาวมา
เพื่อคฤหบดีผู้นกุลบิดาซึ่งยังเป็นหนุ่มหม่อมฉันมิได้รู้สึกจะประพฤตินอกใจคฤหบดี
ผู้นกุลบิดาแม้ด้วยใจเลย ที่ไหนจะประพฤตินอกใจด้วยกายเล่า
หม่อมฉันทั้งสองปรารถนาพบกันและกันทั้งในปัจจุบัน ทั้งในสัมปรายภพ ฯ

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรคฤหบดีและคฤหปตานี ถ้าภรรยาและสามีทั้งสอง หวังจะพบกัน
และกันทั้งในปัจจุบันทั้งในสัมปรายภพไซร้ ทั้งสองเทียว
๑.พึงเป็นผู้มีศรัทธาเสมอกัน
๒.มีศีลเสมอกัน
๓.มีจาคะเสมอกัน
๔.มีปัญญาเสมอกัน

ภรรยาและสามีทั้งสองนั้น ย่อมได้พบกันและกัน
ทั้งในปัจจุบัน ทั้งในสัมปรายภพ ฯ

“ภรรยาและสามีทั้งสองเป็นผู้มีศรัทธา รู้ความประสงค์ของ
ผู้ขอ มีความสำรวม เป็นอยู่โดยธรรม เจรจาคำที่น่ารัก
แก่ กันและกัน ย่อมมีความเจริญรุ่งเรืองมาก มีความผาสุก
ทั้งสองฝ่ายมีศีลเสมอกัน รักใคร่กันมาก ไม่มีใจร้ายต่อ
กัน ประพฤติธรรมในโลกนี้แล้ว ทั้งสองเป็นผู้มีศีลและ
วัตร เสมอกัน ย่อมเป็นผู้เสวยกามารมณ์ เพลิดเพลิน
บันเทิงใจ อยู่ในเทวโลก ฯ

........................................................................................
พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ ( ภาษาไทย ) เล่มที่ ๒๑
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต

หน้าที่ ๖๐ หัวข้อที่ ๕๕