บุญข้าวสาก
บุญข้าวสาก
บุญเดือนสิบ บุญข้าวสาก หมายถึงบุญที่ให้พระเณรทั้งวัด
จับสลากเพื่อจะรับปัจจัยไทยทาน ตลอดจนสำรับกับข้าว
ที่ญาติโยมนำมาถวายและบุญนี้จะทำกันในวันเพ็ญเดือนสิบ
จึงเรียกชื่ออีกอย่างว่า " บุญเดือนสิบ
มูลเหตุที่ทำ
เพื่อจะทำให้ข้าวในนาที่ปักดำไปนั้นงอกงาม
และได้ผลบริบูรณ์ และเป็นการอุทิศส่วนกุศล
ถึงญาติผู้ล่วงลับไปแล้วความเป็นมาของ สลากภัตตทาน ในสมัยหนึ่งพุทธองค์ได้เสด็จไปกรุงพา ราณสี
ในคราว นี้นบุรุษเข็ญใจ พาภรรยาประกอบอาชีพตัดฟืนขายเป็นนิตย์เสมอมา
เขาเป็นคนเลื่อมใสพระพุทธศาสนายิ่งนัก
ภาพวาด การทำบุญชาวอีสาน |
วันหนึ่งเขาได้ปรึกษากับภรรยาว่า " เรายากจนในปัจจุบันนี้เพราะไม่เคยทำบุญ-ให้ทาน
รักษาศีลแต่ละบรรพกาลเลย ดังนั้นจึงควรที่เราจักได้ทำบุญกุศล
อันจักเป็นที่พึ่งของตนในสัมปรายภพ-ชาติหน้า " ภรรยาได้ฟังดังนี้แล้ว ก็พลอยเห็นดีด้วย
จึงในวันหนึ่งเขาทั้งสองได้พากันเข้าป่าเก็บผักหักฟืนมาขายได้ทรัพย์แล้ว
ได้นำไปจ่ายเป็นค่าหม้อข้าว ๑ ใบ หม้อแกง ๑ ใบ อ้อย ๔ ลำ กล้วย ๔ ลูก
นำมาจัดแจงลงในสำรับเรียบร้อยแล้วนำออกไปยังวัด เพื่อถวายเป็น สลากภัตตทาน
พร้อมอุบาสกอุบาสิกาเหล่าอื่น
สามีภรรยาจับสลากถูกพระภิกษุรูปหนึ่งแล้วมีใจยินดี
จึงน้อมภัตตาหารของตนเข้าไปถวายเสร็จแล้วได้หลั่งน้ำทักษิโณทกให้ตกลงเหนือแผ่นปฐพี
แล้วตั้งความ ปราถนา " ด้วยผลทานทั้งนี้ข้าพเจ้าเกิด ในปรภพใดๆ
ขึ้นชื่อว่าความยากจน เข็นใจไร้ทรัพย์เหมือนดังในชาตินี้ โปรดอย่าได้มีแก่ข้าพเจ้าทั้งสองเลย
ขอให้ข้าพเจ้าทั้งสองเป็นผู้มั่งคั่งสมบูรณ์เพียบพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติและมีฤทธิ์เดชมาก
ในปร ภพภายภาคหน้าโน้นเถิด " ดังนี้
ครั้นสองสามีภรรยานั้นอยู่พอสมควรแก่อายุขัยแล้วก็ดับชีพวายชนม์ไปตามสภาพของสังขาร
ด้วย อานิสงฆ์แห่ง สลากภัตตทาน จึงได้ไปเกิดเป็นเทพบุตร เทพธิดาในดาวดึงส์สวรรค์
เสวยสมบัติทิพย์อยู่ในวิมานทองอันผุดผ่องโสภาตระการยิ่งนัก
พร้อมพรั่งไปด้วยแสนสุ รางค์นางเทพอัปสรห้อมล้อมเป็นบริวาร
มีนามบรรหารว่า " สลากภัตต เทพบุตรเทพธิดา "
กาล กต วา ครั้นจุติเลื่อนจากสวรรค์แล้วก็ได้ลงมาเกิดเป็นกษัตริย์ในเมืองพา ราณสี
มีพระนามว่าพระเจ้าสัทธา ดิส เสวยราชสมบัติอยู่ ๘๔ , ๐๐๐ ปี ครั้นเบื่อหน่ายจึงเสด็จออกบรรพชา
ครั้นสูญสิ้นชีวาลงแล้วก็ได้ไปเกิดในพรหมโลก และต่อมาก็ได้มาอุบัติเป็นพระตถาคตของเรานั่นเอง
นี่คือ อานิสงฆ์แห่งการถวาย สลากภัตต์ นับว่ายิ่งใหญ่ไพศาลยิ่งนัก สามารถอำนวยสุขสวัสดิ์
แก่ผู้บำเพ็ญทั้งชาติมนุษย์และสวรรค์ ในที่สุดถึงความเป็นพระพุทธเจ้าได้
ภาพวาด ทำบุญข้าวสาก
|
คำถวายสลากภัต
เอตานิมะนังภันเต สะลากะภัตตานิ สะปะริวารานิ อะสุภัฏฐาเน ฐะปิตานิ
ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุโน ภันเต ภิกขุสังโฆ เอตานิ สะลากะภัตตานิ
สะปะริวารานิ ปะฏิคัณหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ
คำแปล
ข้าแต่พระภิกษุสงฆ์ผู้เจริญ ภัตตาหารกับทั้งบริวารทั้งหลายเหล่านั้น
ซึ่งตั้งไว้ ณ ที่โน้น ข้าพเจ้าทั้งหลายขอน้อมถวายแด่พระภิกษุสงฆ์
ขอพระภิกษุสงฆ์จงรับซึ่งภัตตาหารพร้อมทั้งของที่เป็นบริวารเหล่านี้
ของข้าพเจ้าทั้งหลายเพื่อประโยชน์และความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย สิ้นกาลนานเทอญ.
พิธีกรรม
เมื่อถึงวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๐ ญาติโยมจะเตรียมอาหาร คาวหวาน
และหมากพลู บุหรี่ พอเข้าวันขึ้น ๑๙ ค่ำ เดือน ๑๐ ญาติโยมจะพากันทำบุญใส่บาตร
พอถึงเวลาประมาณ ๙ - ๑๐ โมงเช้า พระสงฆ์จะตีกลอง โฮม ( รวม) ญาติโยมจะนำอาหาร
ที่เตรียมถวายพระสงฆ์และห่อข้าวน้อยซึ่งมีอาหารคาวหวาน อย่างละเล็กอย่างละน้อยแต่ละห่อประกอบด้วย
๑ . ข้าวเหนียว เนื้อปลา เนื้อไก่ หมู และใส่ลงไปอย่างละเล็กอย่างละน้อยถือเป็นอาหารคาว
๒ . กล้วย น้อยหน่า ฝรั่ง แตงโม สับปะรด ฟักทอง (แล้วแต่จะเลือกใส่)เป็นอาหารหวาน
หลังจากนำอาหารที่เตรียมห่อเป็นคู่ๆ นำมาผูกกันเป็นพวงแล้วแต่จะใส่กี่ห่อก็ได้ส่วนใหญ่จะใช้ ๑๐ คู่
เมื่อนำไปเลี้ยง " ผีตา แฮก " ที่นาของตนเองด้วย โดยมีความเชื่อว่าจะทำให้ผีตา แฮกพอใจ
และช่วยดูแลข้าวกล้าในนาให้งอกงามสมบูรณ์ ตลอดจนช่วยขับไล่ศัตรูข้าวได้แก่ นก หนู ปูนา
ไม่ให้มาทำลายต้นข้าวในนาอีกส่วนหนึ่ง
เมื่อนำอาหารมาถึงศาลาวัดที่จะทำบุญแล้ว เขียนชื่อของตนลงในกระดาษ ม้วนลงใส่ในบาตร
เมื่อทุกคนมาพร้อมกันแล้ว ผู้ที่จะเป็นหัวหน้ากล่าวนำคำถวายสลากภัต
ญาติโยมว่าตามจบแล้วนำไปให้พระเณร จับสลากที่อยู่ในบาตร พระเณรจับได้สลากของใคร
ผู้เป็นเจ้าของพาข้าว(สำรับกับข้าว)และเครื่องปัจจัยไทยทานก็นำไปประเคนให้พระรูปนั้นๆ
จากนั้นพระเณรจะฉันเพล ให้พรญาติโยมจะพากันรับพรแล้วกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้ญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว ล่วงลับไปแล้วทุกๆ คน
ทีมา
http://www.lib.ubu.ac.th/html/report/ubontraditional/kawpradabdin- ๑๐.htm
|