ปุปผสูตร

ว่าด้วยพระพุทธองค์ไม่ขัดแย้งกับโลก

[ ๒๓๙ ] พระนครสาวัตถี ฯลฯ สมัยนั้นแล
พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย มาแล้วตรัสว่า

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! เราย่อมไม่ขัดแย้งกับโลก . แต่โลกย่อมขัดแย้งกับเรา .
ผู้กล่าวเป็นธรรม ย่อมไม่ขัดแย้งกับใครๆ ในโลก
สิ่งใด ที่บัณฑิตในโลกสมมติว่า ไม่มี แม้เราก็กล่าวสิ่งนั้นว่า ไม่มี .
สิ่งใด ที่บัณฑิตในโลกสมมติว่า มี แม้เราก็กล่าวสิ่งนั้นว่า มี

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! สิ่งที่บัณฑิตในโลกสมมติว่า ไม่มี
ซึ่งเราก็กล่าวว่า ไม่มี นั้น คืออะไร ?
คือ รูปที่เที่ยง ยั่งยืน มั่นคง มีความไม่แปรปรวนเป็นธรรมดา
บัณฑิตในโลกสมมติว่า ไม่มี แม้เราก็กล่าวรูปนั้นว่า ไม่มี .

เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่เที่ยง ยั่งยืน มั่นคง
มีความไม่แปรปรวนเป็นธรรมดา โลกสมมติว่า ไม่มี
แม้เราก็กล่าววิญญาณนั้นว่า ไม่มี .

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! นี้แหละ
ที่เป็นบัณฑิตในโลกสมมติว่า ไม่มี ซึ่งเราก็กล่าวว่า ไม่มี .
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! สิ่งที่บัณฑิตในโลกสมมติว่า มี
ซึ่งเราก็กล่าวว่า มี นั้น คืออะไร .

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! รูปที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์
มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา
ที่บัณฑิตในโลกสมมติว่า มี แม้เราก็กล่าวรูปนั้นว่า มี .

เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์
มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ที่บัณฑิตในโลกสมมุติว่า มี
แม้เราก็กล่าววิญญาณนั้นว่า มี .

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! นี้แหละ
ที่บัณฑิตในโลกสมมุติว่า มี ซึ่งเราก็กล่าวว่า มี .





[ ๒๔๐ ] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! โลกธรรมมีอยู่ในโลก
พระตถาคตย่อมตรัสรู้ ทราบชัดโลกธรรมนั้น
ครั้นแล้วย่อมบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก กระทำให้ตื้น .

ก็โลกธรรมในโลก พระตถาคตย่อมตรัสรู้ ทราบชัดโลกธรรม
ครั้นแล้ว ย่อมบอก แสดงบัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย
จำแนก กระทำให้ตื้นนั้น คืออะไร ?

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! คือ รูป เป็นโลกธรรมในโลก
พระตถาคตย่อมตรัสรู้ ทราบชัดโลกธรรมนั้น ฯลฯ กระทำให้ตื้น .

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ! บุคคลใด
เมื่อพระตถาคตบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง
เปิดเผย จำแนกกระทำให้ตื้นอยู่อย่างนี้
ย่อมไม่รู้ ไม่เห็น เราจะกระทำอะไรได้ กะบุคคลนั้น
ผู้เป็นปุถุชนคนพาลบอด ไม่มีจักษุ ไม่รู้ ไม่เห็น .

เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นโลกธรรมในโลก
พระตถาคตย่อมตรัสรู้ ทราบชัดโลกธรรมนั้น
ครั้นแล้ว ย่อมบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก กระทำให้ตื้น .

บุคคลใด เมื่อพระตถาคตบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง
เปิดเผย จำแนก กระทำให้ตื้นอยู่อย่างนี้
ย่อมไม่รู้ ไม่เห็น เราจะกระทำอะไรได้ กะบุคคลนั้น
ผู้เป็นปุถุชนคนพาล บอด ไม่มีจักษุ ไม่รู้ ไม่เห็น .

[ ๒๔๑ ] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อุบลก็ดี ปทุมก็ดี บุณฑริกก็ดี
เกิดแล้วในน้ำ เจริญแล้วในน้ำ ขึ้นพ้นจากน้ำตั้งอยู่ แต่น้ำไม่ติด แม้ฉันใด .

พระตถาคตเกิดแล้วในโลก เจริญแล้วในโลก ย่อมครอบงำโลกอยู่
แต่โลกฉาบทาไม่ได้ ฉันนั้นเหมือนกันแล .


จบ สูตร

พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ ( ภาษาไทย ) เล่มที่ ๑๗
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๙ สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค
หน้าที่ ๑๓๓ / ๓๑๐ หัวข้อที่ ๒๓๙ - ๒๔๑