ภวสูตร

[ ๕๑๗] ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์
ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ตรัสว่า ภพ ภพ ดังนี้
ภพ ย่อมมี ได้ด้วยเหตุเพียงไร พระเจ้าข้า

พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า
ดูกรอานนท์ ! ก็กรรมที่อำนวยผล ให้ใน กามธาตุ จักไม่มีแล้ว
กามภพ พึงปรากฏบ้างหรือหนอ ?

ท่านพระอานนท์ทูลว่า ไม่พึงปรากฏเลย พระเจ้าข้า ฯ

พ. ดูกรอานนท์ ! เหตุนี้แล
กรรมจึงชื่อว่า เป็นไร่นา วิญญาณชื่อว่า เป็นพืช
ตัณหา ชื่อว่าเป็นยาง เจตนา ความปรารถนาประดิษฐานแล้ว
เพราะธาตุอย่างเลวของสัตว์ พวกที่มีอวิชชา เป็นเครื่องสกัดกั้น
มีตัณหา เป็นเครื่องผูกใจ ด้วยประการฉะนี้

จึงมีการเกิดในภพใหม่ ต่อไปอีก









ดูกรอานนท์ ! ก็กรรมที่อำนวยผลให้ใน รูปธาตุ จักไม่มีแล้ว
รูปภพ พึงปรากฏบ้างหรือหนอ ?

อา. ไม่พึงปรากฏเลย พระเจ้าข้า ฯ

พ. ดูกรอานนท์ เหตุนี้แล
กรรมจึงชื่อว่า เป็นไร่นา วิญญาณชื่อว่า เป็นพืช
ตัณหา ชื่อว่าเป็นยาง เจตนา ความปรารถนาประดิษฐานแล้ว
เพราะธาตุอย่างกลาง ของสัตว์พวกที่มี อวิชชาเป็นเครื่องสกัดกั้น
มีตัณหา เป็นเครื่องผูกใจ ด้วยประการฉะนี้
จึงมีการเกิด ในภพใหม่ต่อไปอีก

ดูกรอานนท์ ! ก็กรรมที่อำนวยผลให้ อรูปธาตุ จักไม่มีแล้ว
อรูปภพ พึงปรากฏบ้างหรือหนอ ?

อา. ไม่พึงปรากฏเลย พระเจ้าข้า ฯ

พ. ดูกรอานนท์! เหตุนี้แล
กรรมจึงชื่อว่า เป็นไร่นา วิญญาณชื่อว่า เป็นพืช
ตัณหา ชื่อว่าเป็นยาง เจตนา ความปรารถนาประดิษฐานแล้ว
เพราะธาตุอย่างประณีตของสัตว์ พวกที่มี อวิชชาเป็นเครื่องสกัดกั้น
มีตัณหา เป็นเครื่องผูกใจ ด้วยประการฉะนี้
จึงมีการเกิดในภพใหม่ต่อไปอีก

ดูกรอานนท์ ! ภพ ย่อมมีได้ด้วยเหตุดังกล่าวมา ฉะนี้แล ฯ

จบสูตร

พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ ( ภาษาไทย ) เล่มที่ ๒๐
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก - ทุก - ติกนิบาต
หน้าที่ ๒๑๒ / ๒๙๐ หัวข้อที่ ๕๑๗