อุปยสูตร

[ ๒๗๖] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน
อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีเขตพระนครสาวัตถี ฯ

[ ๒๗๗] ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาค
ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย ... แล้วได้ตรัสว่า

ดูกรภิกษุทั้งหลาย!
เมื่อมหาสมุทรน้ำขึ้น ย่อมทำให้ แม่น้ำใหญ่น้ำขึ้น
เมื่อแม่น้ำใหญ่น้ำขึ้น ย่อมทำให้ แม่น้ำน้อยน้ำขึ้น
เมื่อแม่น้ำน้อยน้ำขึ้น ย่อมทำให้ บึงใหญ่น้ำขึ้น
เมื่อบึงใหญ่น้ำขึ้น ย่อมทำให้ บึงน้อยน้ำขึ้น ฉันใด

ดูกรภิกษุทั้งหลาย!
เมื่ออวิชชาเกิด ย่อมทำให้ สังขารเกิด
เมื่อสังขารเกิด ย่อมทำให้ วิญญาณเกิด
เมื่อวิญญาณเกิด ย่อมทำให้ นามรูปเกิด
เมื่อนามรูปเกิด ย่อทำให้ สฬายตนะเกิด

เมื่อสฬายตนะเกิด ย่อมทำให้ ผัสสะเกิด
เมื่อผัสสะเกิด ย่อมทำให้ เวทนาเกิด
เมื่อเวทนาเกิด ย่อมทำให้ ตัณหาเกิด
เมื่อตัณหาเกิด ย่อมทำให้ อุปาทานเกิด
เมื่ออุปาทานเกิด ย่อมทำให้ ภพเกิด

เมื่อภพเกิด ย่อมทำให้ ชาติเกิด
เมื่อชาติเกิด ย่อมทำให้ ชรา และ มรณะ เกิด ฉันนั้นเหมือนกัน ฯ









[ ๒๗๘]ดูกรภิกษุทั้งหลาย!
เมื่อมหาสมุทรน้ำลง ย่อมทำให้ แม่น้ำใหญ่ลดลง
เมื่อแม่น้ำใหญ่ลดลง ย่อมทำให้ แม่น้ำน้อยลดลง
เมื่อแม่น้ำน้อยลดลง ย่อมทำให้ บึงใหญ่ลดลง
เมื่อบึงใหญ่ลดลง ย่อมทำให้ บึงน้อยลดลง ฉันใด

เมื่ออวิชชา ไม่เกิด ย่อมทำให้ สังขารไม่เกิด
เมื่อสังขาร ไม่เกิด ย่อมทำให้ วิญญาณไม่เกิด
เมื่อวิญญาณ ไม่เกิด ย่อมทำให้ นามรูปไม่เกิด
เมื่อนามรูป ไม่เกิด ย่อมทำให้ สฬายตนะไม่เกิด

เมื่อสฬายตนะ ไม่เกิด ย่อมทำให้ ผัสสะไม่เกิด
เมื่อผัสสะ ไม่เกิด ย่อมทำให้ เวทนาไม่เกิด
เมื่อเวทนา ไม่เกิด ย่อมทำให้ ตัณหาไม่เกิด
เมื่อตัณหา ไม่เกิด ย่อมทำให้ อุปาทานไม่เกิด
เมื่ออุปาทาน ไม่เกิด ย่อมทำให้ ภพไม่เกิด

เมื่อภพ ไม่เกิด ย่อมทำให้ ชาติไม่เกิด
เมื่อชาติ ไม่เกิด ย่อมทำให้ ชรา และ มรณะ ไม่เกิด ฉันนั้น เหมือนกัน ฯ


จบสูตร

พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ ( ภาษาไทย ) เล่มที่ ๑๖
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘ สังยุตตนิกาย นิทานวรรค
หน้าที่ ๑๑๕ / ๒๘๘ หัวข้อที่ ๒๗๖ - ๒๗๘