อุณณาภพราหมณสูตร

อินทรีย์ ๕ มีอารมณ์ต่างกัน

[ ๙๖๖ ] สาวัตถีนิทาน . ครั้งนั้น อุณณภพราหมณ์
เข้าไปเฝ้า พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค
ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว
จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า

[ ๙๖๗ ] ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ
อินทรีย์ ๕ ประการนี้ มีอารมณ์ต่างกัน มีโคจร ต่างกัน
ไม่เสวยอารมณ์ อันเป็นโคจร ของกันและกัน
อินทรีย์ ๕ ประการเป็นไฉน ?
คือ จักขุนทรีย์ ๑โสตินทรีย์ ๑ ฆานินทรีย์ ๑ ชิวหินทรีย์ ๑ กายินทรีย์ ๑

อะไรเป็นที่ยึดเหนี่ยว ของอินทรีย์ ๕ ประการนี้ ?
ซึ่งมีอารมณ์ต่างกัน มีโคจรต่างกัน

ไม่เสวยอารมณ์ อันเป็นโคจร ของกันและกัน
และอะไร ย่อมเสวยอารมณ์ อันเป็นโคจร ของอินทรีย์ ๕ ประการนี้ ?















[ ๙๖๘ ] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรพราหมณ์ !
อินทรีย์ ๕ ประการนี้ มีอารมณ์ต่างกัน มีโคจรต่างกัน
ไม่เสวยอารมณ์ อันเป็นโคจร ของกันและกัน
อินทรีย์ ๕ ประการเป็นไฉน ?

คือ จักขุนทรีย์ ๑ โสตินทรีย์ ๑ ฆานินทรีย์ ๑ ชิวหินทรีย์ ๑ กายินทรีย์ ๑

ใจเป็นที่ยึดเหนี่ยว ของอินทรีย์ ๕ ประการนี้
ซึ่งมีอารมณ์ต่างกัน มีโคจรต่างกัน
ไม่เสวยอารมณ์ อันเป็นโคจร ของกันและกัน
และใจ ย่อมเสวยอารมณ์ อันเป็นโคจร ของอินทรีย์ ๕ ประการนี้ .

[ ๙๖๙ ] อุ . ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ก็อะไรเป็นที่ยึดเหนี่ยวแห่งใจเล่า ?
พ . ดูกรพราหมณ์ ! สติเป็นที่ยึดเหนี่ยวแห่งใจ .

[ ๙๗๐ ] อุ . ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ก็อะไรเป็นที่ยึดเหนี่ยวแห่งสติเล่า ?
พ . ดูกรพราหมณ์ ! วิมุติเป็นที่ยึดเหนี่ยวแห่งสติ .

[ ๙๗๑ ] อุ . ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ก็อะไรเป็นที่ยึดเหนี่ยวแห่งวิมุติเล่า ?

พ . ดูกรพราหมณ์ ! นิพพานเป็นที่ยึดเหนี่ยวแห่งวิมุติ .

อุ . ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ก็อะไรเป็นที่ยึดเหนี่ยวแห่งนิพพาน ?

พ . ดูกรพราหมณ์ ! ท่านล่วงเลยปัญหาไปเสียแล้ว
ไม่อาจถือเอาที่สุด แห่งปัญหาได้ด้วยว่าพรหมจรรย์ ที่บุคคลอยู่จบแล้ว
มีนิพพาน เป็นที่หยั่งลง มีนิพพานเป็นเบื้องหน้า มีนิพพานเป็นที่สุด .

[ ๙๗๒ ] ครั้งนั้น อุณณาภพราหมณ์ ชื่นชมอนุโมทนา
พระภาษิตของพระผู้มีพระภาค ลุกจากอาสนะ
ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิณแล้วหลีกไป .

[ ๙๗๓] ครั้นอุณณาภพราหมณ์ หลีกไปแล้วไม่นาน
พระผู้มีพระภาค ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาแล้ว ตรัสว่า

[๙๗๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
เรือนยอดหรือศาลา คล้ายเรือนยอด
มีหน้าต่างในทิศเหนือ หรือทิศตะวันออก
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นไป แสงส่องเข้าไปทางหน้าต่าง ตั้งอยู่ที่ฝาด้านไหน ?

ภิกษุทั้งหลาย กราบทูลว่า ตั้งอยู่ที่ฝาด้านตะวันตก พระเจ้าข้า.

พ. อย่างนั้นเหมือนกัน ภิกษุทั้งหลาย !
ศรัทธาในพระตถาคต ของอุณณาภพราหมณ์
มั่นคงแล้ว มีรากเกิดแล้ว ตั้งอยู่มั่นแล้ว
อันสมณพราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใครๆในโลก
จะพึงชักนำไปไม่ได้ ถ้าอุณณาภพราหมณ์ พึงทำกาละในสมัยนี้ไซร้
ย่อมไม่มีสังโยชน์ซึ่งเป็นเครื่องประกอบ ให้อุณณาภพราหมณ์ต้องมายังโลกนี้อีก.

จบ สูตร

 

พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ ( ภาษาไทย ) เล่มที่ ๑๙
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑ สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค
หน้าที่ ๒๓๘ / ๔๖๙ หัวข้อที่ ๙๖๖ - ๙๗๔