แน่ะบุรุษผู้เจริญ ท่านรู้อย่างใด จงกล่าวอย่างนั้น
เขาไม่รู้ ก็กล่าวว่ารู้ หรือรู้ก็กล่าวว่า ไม่รู้
ไม่เห็นกล่าวว่า เห็น หรือเห็นกล่าวว่า ไม่เห็น
แกล้งกล่าวเท็จทั้งที่รู้ เพราะเหตุแห่งตนเพราะเหตุแห่งคนอื่น
หรือเพราะเห็นแก่อามิส เล็กน้อย ด้วยประการฉะนี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
นี้เรียกว่าบุคคลผู้พูดด้วยถ้อยคำเหม็นเหมือนคูถ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
บุคคลผู้พูดด้วยถ้อยคำหอม เหมือนดอกไม้ เป็นไฉน?
บุคคลบางคนในโลกนี้ ไปในสภาก็ดี ไปในบริษัทก็ดี
ไปในท่ามกลางหมู่ญาติก็ดี ไปในท่ามกลางเสนาก็ดี
ไปในท่ามกลางราชสกุลก็ดี ถูกเขาอ้างเป็นพยาน ถามว่า
แน่ะบุรุษผู้เจริญ ท่านรู้อย่างใด จงกล่าวอย่างนั้น
เขาเมื่อไม่รู้ กล่าวว่า ไม่รู้ หรือเมื่อรู้ ก็กล่าวว่ารู้
เมื่อไม่เห็น ก็กล่าวว่า ไม่เห็น หรือเมื่อเห็น ก็กล่าวว่าเห็น
ย่อมไม่แกล้งกล่าวเท็จ ทั้งที่รู้เพราะเหตุแห่งตน เพราะเหตุแห่งคนอื่น
หรือเพราะเห็นแก่อามิสเล็กน้อย ด้วยประการฉะนี้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
นี้เรียกว่า บุคคลพูดถ้อยคำหอม เหมือนดอกไม้
ดูกรภิกษุทั้งหลาย !
ก็บุคคลผู้พูดถ้อยคำหวาน ปานน้ำผึ้ง เป็นไฉน?
บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ละคำหยาบ เว้นขาดจากคำหยาบ
พูดแต่วาจาที่ไม่มีโทษ เสนาะโสต เป็นที่รัก จับหัวใจ
เป็นวาจาชาวเมือง เป็นถ้อยคำที่ชนเป็นอันมากพอใจชอบใจ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย!
นี้เรียกว่า บุคคลผู้พูดถ้อยคำหวาน ปานน้ำผึ้ง
ดูกรภิกษุทั้งหลาย !บุคคล๓จำพวกนี้แลมีปรากฏอยู่ในโลกฯ
|