มติมส.สั่งทุกวัด
ส่งบัญชีทรัพย์สินภายในก.ย.นี้

„ มติมส.สั่งทุกวัดส่งบัญชีทรัพย์สินภายในก.ย.นี้ มส.ลงมติ สั่งวัดทั่วประเทศ ส่งบัญชีทรัพย์สิน รายรับ
รายจ่ายทุกปี ประเดิมปีแรกขีดเส้นส่งภายในเดือน ก.ย.นี้ ชี้หน่วยงานรัฐไม่มีสิทธิ์เข้าตรวจสอบทันที
เพราะวัดเป็นนิติบุคคลไม่ใช่หน่วยงานราชการ วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม 2558 เวลา 17:22 น.

วันนี้ (20 ก.ค.) ที่อาคารสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)
อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม นายชยพล พงษ์สีดา รองผอ.พศ. เปิดเผยผลการประชุมมหาเถรสมาคม(มส.)
ว่า ที่ประชุมมส.มีมติให้วัดทั่วประเทศกว่า 30,000 วัด จัดทำบัญชีทรัพย์สินของวัด ซึ่งเป็นไปตามกฎกระทรวง
ฉบับที่2 ออกตามพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 รวมทั้งให้จัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายแต่

ละเดือนแบบสรุปเป็นรอบปีงบประมาณ โดยวัดในส่วนกลางให้แจ้งที่พศ. ส่วนวัดในภูมิภาค
ให้แจ้งสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด(พศจ.) โดยให้ทุกวัดแจ้งบัญชีทรัพย์สินและบัญชีรายรับรายจ่าย
ภายในเดือนกันยายนนี้  " พศ.จะทำหนังสือแจ้งมติมส.ดังกล่าวไปยังเจ้าคณะปกครองเพื่อให้วัดทั่วประเทศ
ดำเนินการ เพราะเป็นมติมส.ซึ่งทุกวัดต้องปฏิบัติตาม ทั้งนี้ที่ผ่านมาวัดก็มีการจัดทำบัญชีทรัพย์สิน
และรายรับรายจ่ายอยู่แล้ว แต่ไม่มีการรายงานต่อมส.และพศ.อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม
หากหน่วยงานรัฐ เช่น สำนักงานงบประมาณ

สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) จะเข้ามาตรวจสอบทรัพย์สินของวัด จะต้องมีเหตุผลที่เหมาะสม
ไม่สามารถเข้ามาตรวจสอบได้ทันที เพราะวัดเป็นนิติบุคคลไม่ใช่หน่วยงานราชการ" รองผอ.พศ.กล่าว
นายชยพล กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแล
พศ.ได้รายงานมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)เกี่ยวกับการเห็นชอบแผนปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาตามที่พศ.
เสนอต่อมส. ซึ่งแผนดังกล่าวมีระยะเวลาดำเนินการ 3 ระยะ ได้แก่  ระยะที่1 ระดมความคิดเห็นของคณะสงฆ์

สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยมอบหมายให้พศ.
ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร.) มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย(มมร.)
ดำเนินการจัดประชุมระดมความคิดเห็น 3 ครั้งระหว่างเดือนกันยายนถึงเดือนธันวาคม 2558
เพื่อนำผลการระดมความคิดเห็นไปจัดทำแผนระยะที่2  “ ในแผนระยะที่ 1 จะมีการพัฒนาพุทธมณฑล
ให้เป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาของโลกด้วย โดยดำเนินการในระยะ5 ปีตั้งแต่ปี 2560- 2564

ขณะเดียวกัน สมเด็จพระมหารัชมังคลจารย์ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช
มีดำริเสนอให้จัดสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในโลกประดิษฐานที่พุทธมณฑล รวมทั้งจะดำเนินการพัฒนา
งานคณะสงฆ์ในส่วนที่ทำได้ทันที เช่น การปกครองสงฆ์ การศึกษาสงฆ์ การเผยแผ่พุทธศาสนา เป็นต้น
สำหรับแผนระยะที่ 3 จะส่งต่อแผนปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาจากรัฐบาลชุดปัจจุบันไปสู่รัฐบาลชุดใหม่”
นายชยพล กล่าวและว่า ทั้งนี้ขอย้ำว่าแผนปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาที่ครม.
เห็นชอบไปแล้วนั้น ไม่ได้กำหนดเรื่องการเก็บภาษีพระและวัด, การเก็บภาษีวัดที่สร้างวัตถุมงคล
ในเชิงพุทธมณฑล และการหมุนเวียนแต่งตั้งพระสังฆาธิการ.  “

ที่มา ข่าวเดลินิวส์ ออนไลน์

ทีมา :  http://www.dailynews.co.th/education/336207