นาคในพระไตรปิฎก
พระไตรปิฎก ฉบับบาลีสยามรัฐ (ภาษาไทย) เล่มที่ ๑๗
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๙ สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค ข้อที่ ๕๑๙ – ๕๓๐ หน้าที่ ๒๗๐-๒๗๕
นาคสังยุต
๑ . สุทธกสูตร
ว่าด้วยกำเนิดนาค ๔ จำพวก
[ ๕๑๙ ] พระนครสาวัตถี . ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำเนิดของนาค ๔ จำพวกนี้ . ๔ จำพวกเป็นไฉน ?
คือ นาคที่เป็นอันฑชะ เกิดในไข่ ๑ นาคที่เป็นชลาพุชะ เกิดในครรภ์ ๑
นาคที่เป็นสังเสทชะ เกิดในเถ้าไคล ๑ นาคที่เป็นอุปปาติกะ เกิดผุดขึ้น ๑ .
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำเนิดของนาค ๔ จำพวกนี้แล .
จบ สูตรที่ ๑ .
๒ . ปณีตตรสูตร
ว่าด้วยความประณีตของกำเนิดนาคแต่ละจำพวก
[ ๕๒๐ ] พระนครสาวัตถี . ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำเนิดของนาค ๔ จำพวกนี้ .
๔ จำพวก เป็นไฉน ? คือ นาคเป็นอัณฑชะ ๑ นาคที่เป็นชลาพุชะ ๑ นาคที่เป็นสังเสทชะ ๑
นาคที่เป็นอุปปาติกะ ๑ . ในนาค ๔ จำพวกนั้น นาคที่เป็นชลาพุชะ สังเสทชะ และอุปปาติกะ
ประณีตกว่านาคที่เป็นอัณฑชะ . นาคที่เป็นสังเสทชะและอุปปาติกะ ประณีตกว่านาคที่เป็นอัณฑชะ
และชลาพุชะ . นาคที่เป็นอุปปาติกะ ประณีตกว่านาคที่เป็นอัณฑชะ ชลาพุชะและสังเสทชะ .
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กำเนิดของนาค ๔ จำพวกนี้แล .
จบ สูตรที่ ๒ .
๓ . อุโปสถสูตรที่ ๑
ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้นาคที่เป็นอัณฑชะรักษาอุโบสถ
[ ๕๒๑ ] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่าน
อนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี . ครั้งนั้น ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
ถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถาม
พระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาคที่เป็นอัณฑชะ
บางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้ ?
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ดูกรภิกษุ นาคบางพวกที่เป็นอัณฑชะในโลกนี้ มีความคิด อย่างนี้ว่า
เมื่อก่อน พวกเราเป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
พวกเรานั้น กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เมื่อตายไป จึงเข้าถึงความเป็นสหาย
ของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ ถ้าวันนี้พวกเราพึงประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจไซร้
เมื่อเป็นอย่างนี้ เมื่อตายไป พวกเราจะพึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เชิญพวกเรามาประพฤติสุจริต
ด้วยกายด้วยวาจา ด้วยใจเสียในบัดนี้เถิด .
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้แล เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่อง
ให้นาคที่เป็นอัณฑชะบางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้ .
จบ สูตรที่ ๓ .
๔ . อุโปสถสูตรที่ ๒
ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้นาคที่เป็นชลาพุชะรักษาอุโบสถ
[ ๕๒๒ ] พระนครสาวัตถี . ครั้งนั้น ภิกษุรูปหนึ่งเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ
ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่อง
ให้นาคที่เป็นชลาพุชะบางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้ .
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ดูกรภิกษุ นาคบางพวกที่เป็นชลาพุชะในโลกนี้ มีความคิดอย่างนี้ว่า
เมื่อก่อน พวกเราเป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
พวกนั้นกระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เมื่อตายไปจึงเข้าถึงความเป็นสหาย
ของพวกนาคที่เป็นชลาพุชะ ถ้าวันนี้ พวกเราพึงประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจไซร้
เมื่อเป็นอย่างนี้ เมื่อตายไปพวกเราจะพึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เชิญพวกเรามาประพฤติสุจริต
ด้วยกาย ด้วยวาจาด้วยใจ เสียในบัดนี้เถิด .
ดูกรภิกษุ ข้อนี้แล เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาคที่เป็นชลาพุชะ บางพวกในโลกนี้
รักษาอุโบสถและสละกายได้ .
จบ สูตรที่ ๔ .
๕ . อุโปสถสูตรที่ ๓
ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้นาคที่เป็นสังเสทชะรักษาอุโบสถ
[ ๕๒๓ ] พระนครสาวัตถี . ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
ได้ทูลถามพระผู้มี พระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่อง
ให้นาคที่เป็นสังเสทชะ บางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้ ?
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ดูกรภิกษุ นาคบางพวกที่เป็นสังเสทชะในโลกนี้ มีความ คิดอย่างนี้ว่า
เมื่อก่อน พวกเราเป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ พวกเรา
นั้นกระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เมื่อตายไป จึงเข้าถึงความเป็นสหาย
ของพวกนาคที่เป็นสังเสทชะ ถ้าวันนี้ พวกเราพึงประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา
ด้วยใจไซร้ เมื่อเป็นอย่างนี้ เมื่อตายไป พวกเราจะพึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์
เชิญพวกเรามาประพฤติสุจริต ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เสียในบัดนี้เถิด .
ดูกรภิกษุ ข้อนี้แล เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาคที่เป็นสังเสทชะบางพวกในโลกนี้
รักษาอุโบสถและสละกายได้ .
จบ สูตรที่ ๕ .
๖. อุโปสถสูตรที่ ๔
ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้นาคที่เป็นอุปปาติกะรักษาอุโบสถ
[ ๕๒๔] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
ได้ทูลถามพระผู้มี พระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้นาค
ที่เป็นอุปปาติกะบางพวกในโลกนี้ รักษาอุโบสถและสละกายได้?
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ดูกรภิกษุ นาคบางพวกที่เป็นอุปปาติกะในโลกนี้
มีความคิดอย่างนี้ว่า เมื่อก่อน พวกเราได้เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
พวกเรานั้นกระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เมื่อตายไป จึงเข้าถึงความเป็นสหาย
ของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ ถ้าวันนี้ พวกเราพึงประพฤติสุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
เมื่อเป็นอย่างนี้ เมื่อตายไป พวกเราจะพึงเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เชิญพวกเรามาประพฤติสุจริต
ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เสียในบัดนี้เถิด.
ดูกรภิกษุ ข้อนี้แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้นาคที่ เป็นอุปปาติกะบางพวกในโลกนี้
รักษาอุโบสถและสละกายได้.
จบ สูตรที่ ๖.
๗. สุตสูตรที่ ๑
ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้บุคคลเข้าถึงความเป็นสหายของนาคที่เป็นอัณฑชะ
[ ๕๒๕] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
ได้ทูลถามพระผู้มี พระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้
เมื่อตายไปเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ พระเจ้าข้า?
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ดูกรภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสอง ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาได้สดับมาว่า
พวกนาคที่เป็นอัณฑชะ มีอายุยืน มีวรรณะงาม มีความสุขมาก. เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า
โอหนอ เมื่อตายไป ขอเราพึงเข้าถึงความ เป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ.
ดูกรภิกษุ ข้อนี้แลเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคน ในโลกนี้ เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหาย
ของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ.
จบ สูตรที่ ๗.
๘. สุตสูตรที่ ๒
ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้บุคคลเข้าถึงความเป็นสหายของนาคที่เป็นชลาพุชะ
[ ๕๒๖] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
ได้ทูลถามพระผู้มี พระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคน
ในโลกนี้เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นชลาพุชะ พระเจ้าข้า?
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ดูกรภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้กระทำกรรม ทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาได้สดับมาว่า
พวกนาคที่เป็นชลาพุชะ มีอายุยืน มีวรรณะงาม มีความสุขมาก. เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า
โอหนอ เมื่อตายไป ขอเราพึง เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นชลาพุชะ. ครั้นตายไป เขาย่อมเข้าถึง
ความเป็นสหายของ พวกนาคที่เป็นชลาพุชะ.
ดูกรภิกษุ ข้อนี้แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหาย
ของพวกนาคที่เป็นชลาพุชะ.
จบ สูตรที่ ๘.
๙. สุตสูตรที่ ๓
ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้บุคคลเข้าถึงความเป็นสหายของนาคที่เป็นสังเสทชะ
[ ๕๒๗] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
ได้ทูลถามพระผู้มี พระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุ เป็นปัจจัย
ให้บุคคลบางคนในโลกนี้เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นสังเสทชะ พระเจ้าข้า?
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ดูกรภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสอง
ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาได้สดับมาว่า พวกนาคที่เป็นสังเสทชะ มีอายุยืน มีวรรณะงาม
มีความสุขมาก. เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เมื่อตายไป ขอเราพึงเข้าถึงความเป็นสหาย
ของพวกนาคที่เป็นสังเสทชะ. ครั้นตายไป เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นสังเสทชะ.
ดูกรภิกษุ ข้อนี้แลเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป
เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นสังเสทชะ.
จบ สูตรที่ ๙.
๑๐. สุตสูตรที่ ๔
ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้บุคคลเข้าถึงความเป็นสหายของนาคที่เป็นอุปปาติกะ
[ ๕๒๘] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคน
ในโลกนี้เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ พระเจ้าข้า?
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
ดูกรภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสอง ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาได้สดับมาว่า
พวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ มีอายุยืน มีวรรณะงาม มีความสุขมาก. เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า
โอหนอ เมื่อตายไป ขอเราพึงเข้าถึงความเป็น สหายของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ. ครั้นตายไป เขาย่อมเข้าถึง
ความเป็นสหายของพวกนาคที่ เป็นอุปปาติกะ.
ดูกรภิกษุ ข้อนี้แลเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป
เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ.
จบ สูตรที่ ๑๐.
๑๑- ๒๐ อัณฑชทานูปการสูตรที่ ๑- ๑๐
ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้บุคคลเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาค
[ ๕๒๙] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บุคคลบางคน
ในโลกนี้เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ พระเจ้าข้า?
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เขาได้สดับมาว่า
พวกนาคที่เป็นอัณฑชะ มีอายุยืน มีวรรณะงาม มีความสุขมาก. เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า
โอหนอ เมื่อตายไป ขอเราพึงเข้าถึงความเป็น สหายของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ. เขาจึงให้ข้าว น้ำ ผ้า
ยาน มาลา ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก ประทีป และอุปกรณ์แห่งประทีป เมื่อตายไป เขาย่อมเข้าถึง
ความเป็นสหาย ของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ.
ดูกรภิกษุ ข้อนี้แล เป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนในโลกนี้ เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหาย
ของพวกนาคที่เป็นอัณฑชะ.
จบ สูตรที่ ๑๑- ๒๐
๒๑- ๕๐ ชลาพุชาทิทานูปการสูตรที่ ๑- ๓๐
ว่าด้วยเหตุปัจจัยให้บุคคลเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาค
[ ๕๓๐] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว
ได้ทูลถามพระผู้มี พระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บุคคลบางคน
ในโลกนี้ เมื่อตายไป เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นชลาพุชะ ... ของพวกนาค
ที่เป็นสังเสทชะ ... ของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ?
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกรภิกษุ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้กระทำกรรมทั้งสองด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
เขาได้สดับมาว่า พวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ มีอายุยืน มีวรรณะงาม มีความสุขมาก.
เขาจึงมีความปรารถนาอย่างนี้ว่า โอหนอ เมื่อตายไป ขอเราพึงเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาค
ที่เป็นอุปปาติกะ. เขาจึงให้ข้าว น้ำ ผ้า ยาน มาลา ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก ประทีป
และอุปกรณ์แห่งประทีป เมื่อตายไป เขาย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ.
ดูกรภิกษุ ข้อนี้แลเป็นเหตุ เป็นปัจจัยให้บุคคลบางคนใน
โลกนี้ เมื่อตายไป เข้าถึงความเป็นสหายของพวกนาคที่เป็นอุปปาติกะ.
จบ สูตรที่ ๒๑- ๕๐
จบ นาคสังยุต.
นาคแปลงกายเป็นมนุษย์
|