| ความหมายและความสำคัญของการถวายกฐินความหมายของกฐิน
 กฐิน   เป็นศัพท์ บาลี   แปลตามศัพท์ว่า ไม้สะดึง   คือ "กรอบไม้" หรือ "ไม้แบบ"
 สำหรับขึงผ้าที่จะเย็บเป็น จีวร ในสมัยโบราณ ซึ่งผ้าที่เย็บสำเร็จจากกฐินหรือไม้สะดึงแบบนี้เรียกว่า
 ผ้ากฐิน   ( ผ้าเย็บจากไม้แบบ)
  กฐิน อาจจำแนกตามความหมายเพื่อความเข้าใจง่ายได้ดังนี้๑.กฐิน   เป็นชื่อของกรอบไม้แม่แบบ (สะดึง) สำหรับทำจีวร ดังกล่าวข้างต้น
 ๒.กฐิน   เป็นชื่อของผ้าที่ถวายแก่พระสงฆ์เพื่อกรานกฐิน (โดยได้มาจากการใช้ไม้แม่แบบขึงเย็บ)
 ๓.กฐิน   เป็นชื่อของงานบุญประเพณีถวายผ้าไตรจีวรแก่พระสงฆืเพื่อกรานกฐิน
 ๔.กฐิน   เป็นชื่อของสังฆกรรมการกรานกฐินของพระสงฆ์
  ความสำคัญพิเศษแตกต่างจากทานอย่างอื่นการถวายกฐินนั้นมีข้อจำกัดหลายอย่าง ซึ่งทำให้การถวายกฐินมีความความพิเศษแตกต่างจากทานอย่างอื่นดังนี้
 
 ๑.จำกัดประเภททาน   คือ   ต้องถวายเป็น สังฆทาน เท่านั้น
 จะถวายเฉพาะเจาะจงภิกษุรูปใดรูปหนึ่งเหมือนทานอย่างอื่นไม่ได้
 
 ๒.จำกัดเวลา   คือกฐินเป็น กาลทาน อย่างหนึ่ง (ตามพระบรมพุทธานุญาต)
 ดังนั้นจึงจำกัดเวลาว่าต้องถวายภายในระยะเวลา ๑ เดือน นับแต่ วันออกพรรษา   เป็นต้นไป
 
 ๓.จำกัดงาน   คือ พระภิกษุที่กรานกฐินต้องตัด เย็บ ย้อม และครองให้เสร็จภายในวันที่กรานกฐิน
 
 ๔.จำกัดไทยธรรม   คือ ผ้าที่ถวายต้องถูกต้องตามลักษณะที่พระวินัยกำหนดไว้
 
 ๕.จำกัดผู้รับ   คือ พระภิกษุผู้รับกฐิน ต้องเป็นผู้ที่จำพรรษาในวัดนั้นโดยไม่ขาดพรรษา
 และจำนวนไม่น้อยกว่า ๕ รูป
 
 ๖.จำกัดคราว   คือ วัด ๆ หนึ่งรับกฐินได้เพียงปีละ ๑ ครั้งเท่านั้น
 
 ๗.เป็นพระบรมพุทธานุญาต   ทานอย่างอื่นทายกทูลขอให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอนุญาต
 เช่น มหาอุบาสิกาวิสาขาทูลขออนุญาตผ้าอาบน้ำฝน แต่ผ้ากฐินนี้พระองค์ทรงอนุญาตเอง
 นับเป็นพระประสงค์โดยตรง
  ความเป็นมาของกฐินภิกษุชาวเมืองปาไฐยรัฐ ๓๐ รูป ได้เดินทางเพื่อมาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
 ณ   วัดเชตวันมหาวิหาร   เมือง สาวัตถี   แต่ยังไม่ทันถึงเมืองสาวัตถี ก็ถึง วันเข้าพรรษา เสียก่อน
 พระสงฆ์ทั้ง ๓๐ รูป จึงต้องจำพรรษา ณ เมืองสาเกตุในระหว่างทาง พอออกพรรษาแล้ว
 ภิกษุเหล่านั้นจึงได้ออกเดินทางมาเข้าเฝ้าพระศาสดาด้วยความยากลำบากเพราะ ฝน ยังตกชุกอยู่
 
 เมื่อเดินทางถึงวัดพระเชตวัน พระพทธเจ้าได้ตรัสถามถึงความเป็นอยู่และการเดินทาง
 เมื่อทราบความลำบากนั้นจึงทรงอนุญาตให้ภิกษุผู้จำพรรษาครบถ้วนไตรมาสสามารถรับผ้ากฐินได้
 และภิกษุผู้ได้กรานกฐินได้อานิสงส์ ๕ ประการ ภายในเวลาอานิสงส์กฐิน
 (นับจากวันที่รับกฐินจนถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๔ ) คือ
 
 |