บทปลงสังขาร (
โอ้ว่าอนิจจาสังขารเอ๋ย ) |
| โอ้ว่าอนิจจาสังขารเอ๋ย |
มาลงเอยสิ้นสุดหยุดเคลื่อนไหว |
| เมื่อหมดหวังครั้งสุดท้ายไม่หายใจ |
ธาตุลมไฟน้ำดินก็สิ้นตาม |
| นอนตัวแข็งและสลดเมื่อหมดชีพ |
เขาตราสังใส่หีบสี่คนหาม |
| สู่ป่าช้าสิ้นเชื้อเหลือแต่นาม |
ใครจะถามเรียกเราก็เปล่าดาย |
| นี่แหละหนอมนุษย์เรามีเท่านี้ |
หมดลมแล้วก็ไม่มีซึ่งความหมาย |
| วิญญาณปราศขาดลับดับจากกาย |
หยุดวุ่นวายทุก ๆ สิ่งนอนนิ่งเลย |
| เมื่อชีวิตเรานี้มีลมอยู่ |
จงเร่งรู้ศีลทาน นะท่านเอ๋ย |
| ทั้งภาวนาทำใจหัดให้เคย |
อย่าละเลยความดีทุกวี่วัน |
| เมื่อสิ้นลมจิตพรากจากโลกนี้ |
จะได้พาความดีไปสวรรค์ |
| อย่าทำบาปน้อยนิดให้ติดพัน |
เพราะบาปนั้นจะเป็นเงาตามเราไป |
| สู่นรกอเวจีที่มืดมิด |
สุดที่ใครจะตามติดไปช่วยได้ |
| ต้องทนทุกข์สยดสยองในกองไฟ |
ตามแต่กรรมของผู้ใดที่ได้ทำ |
| หมั่นสวดมนต์ภาวนารักษาศีล |
สอนลูกหลานให้เคยชินทุกเช้าค่ำ |
| ให้รู้จักเคารพนบพระธรรม |
อย่าลืมคำที่พระสอนวอนให้ดี |
| เราเกิดมาเพื่อตายมิใช่อยู่ |
ทุกทุกคนจะต้องสู่ความเป็นผี |
| เมื่อเกิดมาเป็นคนได้ทั้งที |
ก็ควรสร้างความดีติดตัวไป |
| เพื่อจะได้เป็นสุขไม่ทุกข์ยาก |
ไม่คับแค้นลำบากเมื่อเกิดใหม่ |
| ใครทำดีย่อมสุขแท้จงแน่ใจ |
ใครทำชั่วทุกข์ยากไร้ย่อมถึงตน |
| เร่งบำเพ็ญทานศีลภาวนา |
แสวงหาแต่สิ่งบุญกุศล |
| ทรัพย์ภายนอกเป็นของโลกโศกระคน |
ทรัพย์ภายในประดับตนพ้นทุกข์เอยฯ |
บทพิจารณาขันธ์ห้า (สรภัญญะอีสาน) |
โอ้โอ๋อนิจจา , สังขารามันบ่เที่ยง , ยังวนเวียนในวัฏฏะ ,
การเวียนว่าย ตายเกิด , รู้ไม่จริง รู้ไม่แน่ , " ก็ต้องเกิด"
" เพราะได้เกิดมาใช้กรรม" ในภพนี้ รู้จริง รู้แน่ ,
รู้ประเสริฐ แห่งสังขาร , มีอะไร ในสังขาร ,
มีขันธ์ห้า อยู่ในสังขาร , อยู่ในกาย ของเรานี้ ,
เข้าใจแล้ว จะหลุดพ้น , แห่งความทุกข์ การเวียนว่าย ,
ในวัฏฏะ ความสงสาร , เกิดแก่ และเจ็บตาย ,
มาใช้กรรมในชาตินี้ , หมอก็ช่วย หายไม่ได้ , " ในชาตินี้" |