แบบกรรมวาจาเนื่องด้วยสีมา
คำสวดถอนสมานสังวาสสีมา / คำสมมติสมานสังวาสสีมา กรรมวาจาเนื่องด้วยสีมา
คำสวดถอนติจีวราวิปปวาส
สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ , โย โส สังเฆนะ ติจีวะเรนะ อะวิปปะวาโส สัมมะโต ,
ยะทิ สังฆัสสะ ปัตตะกัลลัง , สังโฆ ตัง ติจีวะเรนะ อะวิปปะวาสัง สะมูหะเนยยะ , เอสา ญัตติ ,
สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ , โย โส สังเฆนะ ติจีวะเรนะ อะวิปปะวาโส สัมมะโต ,
สังโฆ ตัง ติจีวะเรนะ อะวิปปะวาสัง สะมูหะนะติ. ยัสสายัสมะโต , ขะมะติ เอตัสสะ
ติจีวะเรนะ อะวิปปะวาสัสสะ สะมุคฆาโต , โส ตุณหัสสะ , ยัสสะ นักขะมะติ โส ภาเสยยะ,
สะมูหะโต โส สังเฆนะ ติจีวะเรนะ อะวิปปะวาโส , ขะมะติ สังฆัสสะ ,
ตัสมา ตุณหี , เอวะเมตัง ธาระยามิ.
คำแปล
ท่านเจ้าข้า ขอพระสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้ว สงฆ์พึง
ถอนแดนไม่อยู่ปราศจากไตรจีวรอันสงฆ์ได้สมมติไว้แล้ว นี้เป็นญัตติ
ท่านเจ้าข้า ของสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า สงฆ์ถอนอยู่บัดนี้ ซึ่งแดนไม่อยู่ปราศจากไตรจีวร
อันสงฆ์สมมติไว้แล้ว การถอนแดนไม่อยู่ปราศจากไตรจีวรนั้น ชอบแก่ท่านผู้ใด
ขอท่านผู้นั้นพึงเป็นผู้นิ่งอยู่ ไม่ชอบแก่ท่านผู้ใด ขอท่านผู้นั้นพึงพูด
แดนไม่อยู่ปราศจากไตรจีวรนั่นอันสงฆ์ถอนแล้ว ชอบแก่สงฆ์ เหตุนั้นจึงนิ่งอยู่
ข้าพเจ้าทรงความนิ่งนี้ไว้ด้วยอาการอย่างนี้
คำสวดถอนสมานสังวาสสีมา
สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ. ยา สา สังเฆนะ สีมา สัมมะตา สะมานะสังวาสา
เอกุโปสะถา , ยะทิ สังฆัสสะ ปัตตะกัลลัง. สังโฆ ตัง สีมัง สะมูหะเนยยะ เอสา ญัตติ.
สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ. ยา สา สังเฆนะ สีมา สัมมะตา สะมานะสังวาสา
เอกุโปสะถา , สังโฆ ตัง สีมัง สะมูหะนะติ , ยัสสายัสมะโต ขะมะติ เอติสสา สีมายะ
สะมานะสังวาสายะ เอกุโปสะถา สะมุคฆาโต , โส ตุณหัสสะ ยัสสะ นักขะมะติ โส ภาเสยยะ ,
สะมูหะตา สา สีมา สังเฆนะ สะมานะสังวาสา เอกุโปสะถา. ขะมะติ สังฆัสสะ ,
ตัสมา ตุณหี , เอวะเมตัง ธาระยามิ.
คำแปล
ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่สุดแล้ว สงฆ์พึง
ถอนสีมาอันสงฆ์สมมติให้มีสังวาสเสมอกัน ให้มีอุโบสถเดียวกันไว้แล้ว นี้เป็นญัตติ
ท่านเจ้าข้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า สงฆ์ถอนอยู่บัดนี้ ซึ่งสีมาอันสงฆ์สมมติให้มี
สังวาสเสมอกัน ให้มีอุโบสถเดียวกันไว้แล้ว การถอนสีมามีสังวาสเสมอกัน มีอุโบสถ
เดียวกัน นี่ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงเป็นผู้นิ่ง ไม่ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้นพึงพูด
สีมามีสังวาสเสมอกัน มีอุโบสถเดียวกันนั้น อันสงฆ์ถอนแล้ว ชอบแก่สงฆ์ เหตุนั้นจึง
นิ่งอยู่ ข้าพเจ้าทรงความนิ่งนี้ไว้ ด้วยอาการอย่างนี้ ฯ
คำสมมติสมานสังวาสสีมา
สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ ยาวะตา สะมันตา นิมิตตา กิตติตา ยะทิ สังฆัสสะ ปัตตะกัลลัง.
สังโฆ เอเตหิ นิมิตเตหิ สีมัง สัมมันเนยยะ สะมานะสังวาสัง เอกุโปสะถัง. เอสา ญัตติ.
สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ ยาวะตา สะมันตา นิมิตตา กิตติตา , สังโฆ เอเตหิ
นิมิตเตหิ สีมัง สัมมันนะติ สะมานะสังวาสัง เอกุโปสะถัง. ยัสสายัสมะโต ขะมะติ
เอเตหิ นิมิตเตหิ สีมายะ สัมมะติ สะมานะสังวาสายะ เอกุโปสะถายะ , โส ตุณหัสสะ ,
ยัสสะ นักขะมะติ โส ภาเสยยะ
สัมมะตา สีมา สังเฆนะ เอเตหิ นิมิตเตหิ สะมานะสังวาสา เอกุโปสะถา.
ขะมะติ สังฆัสสะ. ตัสมา ตุณหี , เอวะเมตัง ธาระยามิ ,
คำแปล
ท่านเจ้าข้า ของสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า นิมิตระบุไว้โดยรอบแล้ว เพียงไร ถ้าความพร้อม
พรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้ว สงฆ์พึงสมมติสีมาให้มีสังวาสเสมอกัน มีอุโบสถเดียวกันด้วยนิมิต
เหล่านั้น นี้เป็นญัตติ
ท่านเจ้าข้า ของสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า นิมิตระบุไว้แล้วโดยรอบเพียงไร สงฆ์สมมติอยู่
บัดนี้ ซึ่งสีมาให้มีสังวาสเสมอกัน มีอุโบสถเดียวกัน ด้วยนิมิตเหล่านั้น การสมมติสีมา
ให้มีสังวาสเสมอกัน มีอุโบสถเดียวกัน ด้วยนิมิตเหล่านั้น ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้น
พึงเป็นผู้นิ่ง ไม่ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้น พึงพูด
สีมาอันสงฆ์สมมติให้มีสังวาสเสมอกัน มีอุโบสถเดียวกันแล้ว ด้วยนิมิตเหล่านั้น
ย่อมชอบแก่สงฆ์ เหตุนั้น จึงนิ่งอยู่ ข้าพเจ้าทรงความนิ่งนี้ไว้ ด้วยอาการอย่างนี้
คำสมมติติจีวราวิปปวาส
สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ. ยา สา สังเฆนะ สีมา สัมมะตา สะมานะสังวาสา
เอกุโปสะถา , ยะทิ สังฆัสสะ ปัตตะกัลลัง. สังโฆ ตัง สีมัง ติจีวะเรนะ อะวิปปะวาสัง
สัมมันเนยยะ ฐะเปตวา คามัญจะ คามุปะจารัญจะ , เอสา ญัตติ.
สุณาตุ เม ภันเต สังโฆ. ยา สา สังเฆนะ สีมา สัมมะตา สะมานะสังวาสา
เอกุโปสะถา , สังโฆ ตัง สีมัง ติจีวะเรนะ อะวิปปะวาสัง สัมมันนะติ ฐะเปตวา คามัญจะ
คามุปะจารัญจะ , ยัสสายัสมะโต ขะมะติ เอติสสา สีมายะ ติจีวะเรนะ อะวิปปะวาตัสสะ
สัมมะติ ฐะเปตวา คามัญจะ คามุปะจารัญจะ , โส ตุณหัสสะ , ยัสสะ นักขะมะติ โส ภาเสยยะ.
สัมมะตา สา สีมา สังเฆนะ ติจีวะเรนะ อะวิปปะวาโส ฐะเปตวา คามัญจะ
คามุปะจารัญจะ , ขะมะติ สังฆัสสะ , ตัสมา ตุณหี , เอวะเมตัง ธาระยามิ.
คำแปล
ท่านเจ้าข้า ของสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่สุดแล้ว สงฆ์พึง
สมมติสีมาอันสงฆ์สมมติให้มีสังวาสเสมอกัน มีอุโบสถเดียวกันไว้แล้ว ให้เป็นแดนอยู่
ปราศจากไตรจีวร เว้นบ้าน และอุปจารแห่งบ้านไว้ นี้เป็นญัตติ
ท่านเจ้าข้า ของสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า สงฆ์สมมติสีมาอยู่บัดนี้ ซึ่งสีมาอันสงฆ์สมมติ
ให้มีสังวาสเสมอกัน มีอุโบสถเดียวกันไว้แล้ว ให้เป็นแดนอยู่ปราศจากไตรจีวร เว้นบ้าน
และอุปจารแห่งบ้านไว้ ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่านผู้นั้น พึงเป็นผู้นิ่ง ไม่ชอบแก่ท่านผู้ใด ท่าน
ผู้นั้นพึงพูด
สีมานั้น สงฆ์สมมติให้เป็นแดนไม่อยู่ปราศจากไตรจีวรแล้ว ชอบแก่สงฆ์ เหตุนั้น
จึงนิ่งอยู่ ข้าพเจ้าทรงความนิ่งนี้ไว้ ด้วยอาการอย่างนี้ ฯ
|