๔ . กิเลสวรรค คือ หมวดกิเลส.
๖๓. สงฺกปฺปราโค ปุริสสฺส กาโม.
ความกำหนัดเพราะดำริ เป็นกามของคน.
สํ . ส. ๑๕/ ๓๒. อง. ฉกฺก. ๒๒/ ๔๖๐.
๖๔ . น สนฺติ กามา มนุเชสุ นิจฺจา.
กามทั้งหลายที่เที่ยง ไม่มีในมนุษย์.
สํ . ส. ๑๕/ ๓๑.
๖๕ . กาเมหิ โลกมฺหิ น อตฺถิ ติตฺติ.
ความอิ่มด้วยกามทั้งหลาย ไม่มีในโลก.
ม. ม. ๑๓/ ๔๑๒. ขุ. เถร. ๒๖/ ๓๗๗.
๖๖ . น กหาปณวสฺเสน ติตฺติ กาเมสุ วิชฺชติ.
ความอิ่มในกามทั้งหลาย ย่อมไม่มีเพราะฝนคือกหาปณะ.
ขุ . ธ. ๒๕/ ๔๐. ขุ. ชา. ติก. ๒๗/ ๑๐๒.
๖๗ . นตฺถิ กามา ปรํ ทุกฺขํ.
ทุกข์ ( อื่น) ยิ่งกว่ากาม ย่อมไม่มี.
ขุ . ชา. เอกาทสก. ๒๗/ ๓๑๕.
๖๘ . นตฺถิ ตณฺหาสมา นที.
แม่น้ำเสมอด้วยตัณหา ไม่มี.
ขุ . ธ. ๒๕/ ๔๘.
๖๙. อิจฉา โลกสฺมิ ทุชฺชหา.
ความอยากละได้ยากในโลก.
สํ . ส. ๑๕/ ๖๑.
๗๐ . อิจฺฉา หิ อนนฺตโคจรา.
ความอยากมีอารมณ์หาที่สุดมิได้เลย .
ขุ . ชา. ทุก. ๒๗/ ๙๔.
๗๑ . อิจฺฉา นรํ ปริกสฺสติ.
ความอยากย่อมเสือไสซึ่งนรชน .
สํ . ส. ๑๕/ ๖๑.
๗๒ . นตฺถิ ราคสโม อคฺคิ.
ไฟเสมอด้วยราคะ ไม่มี.
ขุ . ธ. ๒๕- ๔๒, ๔๘.
๗๓ . โลโภ ธมฺมานํ ปริปนฺโถ.
ความโลภเป็นอันตรายแห่งธรรมทั้งหลาย .
สํ . ส. ๑๕/ ๕๙.
๗๔ . อติโลโภ หิ ปาปโก.
ความละโมบเป็นบาปแท้ .
วิ . ภิ. ๓/ ๙๖. ขุ. ชา. เอก. ๒๗/ ๔๔.
๗๕ . นตฺถิ โมหสมํ ชาลํ.
ข่ายเสมอด้วยโมหะ ไม่มี.
ขุ . ธ. ๒๕/ ๔๘.
๗๖. ภิยฺโย จ กาเม อภิปตฺถยนฺติ.
ผู้บริโภคกาม ย่อมปรารถนากามยิ่งขึ้นไป.
ม . ม. ๑๓/ ๔๑๑. ขุ. เถร. ๒๖/ ๓๗๗.
๗๗ . อูนา ว หุตฺวาน ชหนฺติ เทหํ.
ผู้บริโภคกามเป็นผู้พร่อง ละร่างกายไป.
ม . ม. ๑๓/ ๔๑๒. ขุ. เถร. ๒๖/ ๓๗๗.
๗๘ . โภคตณฺหาย ทุมฺเมโธ หนฺติ อญฺเ ว อตฺตนํ.
ผู้มีปัญญาทราม ย่อมฆ่าตนเองเหมือนฆ่าผู้อื่น เพราะอยากได้โภคทรัพย์.
ขุ . ธ. ๒๕/ ๖๓.
๗๙ . อวิชฺชานิวุตา โปสา.
คนทั้งหลายอันอวิชชาหุ้มห่อไว้ .
วิ . จุล. ๗/ ๔๐๐. องฺ. จตุกฺก. ๒๑/ ๙๓.
กามา กฏุกา อาสีวิสูปมา เยสุ มุจฺฉิตา พาลา
เต ทีฆรตฺตํ นิรเย สมปฺปิตา หญฺญนฺเต ทุกฺขิตา.
กามทั้งหลายเป็นของเผ็ดร้อน เหมือนงูพิษ เป็นที่คนโง่หมกมุ่น
เขาต้องแออัดทุกข์ยากอยู่ในนรกตลอดกาลนาน .
( สุเมธาเถรี) ขุ. เถรี. ๒๖/ ๔๙๙.
กุหา ถทฺธา ลปา สิงฺคี อุนฺนฬา จาสมาหิตา
น เต ธมฺเม วิรูหนฺติ สมฺมาสมฺพุทฺธเทสิเต.
คนหลอกลวง เย่อหยิ่ง เพ้อเจ้อ ขี้โอ่ อวดดี และไม่ตั้งมั่น
ย่อมไม่งอกงามในธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว .
( พุทฺธ) องฺ. จตุตฺก. ๒๑/ ๓๔.
โกธสฺส วิสมูลสฺส มธุรคฺคสฺส พฺราหฺมณ
วธํ อริยา ปสํสนฺติ ตญฺหิ เฉตฺวา น โสจติ.
พราหมณ์ ! พระอริยะเจ้าย่อมสรรเสริญผู้ฆ่าความโกรธ
ซึ่งมีโคนเป็นพิษ ปลายหวาน, เพราะคนตัดความโกรธนั้นได้แล้ว
ย่อมไม่เศร้าโศก.
( พุทฺธ) สํ. ส. ๑๕/ ๒๓๖.
นิทฺทํ น พหุลีกเรยฺย ชาคริยํ ภเชยฺย อาตาปี
ตนฺทึ มายํ หสฺสํ ขิฑฺฑํ เมถุนํ วิปฺปชเห สวิภูสํ.
ผู้มีความเพียรไม่พึงนอนมาก พึงเสพธรรมเครื่องตื่น
พึงละ ความเกียจคร้าน มายา ความร่าเริง การเล่น
และเมถุนพร้อมทั้งเครื่องประดับเสีย.
( พุทฺธ) ขุ. สุ. ๒๕/ ๕๑๕. ขุ. มหา. ๒๙/ ๔๕๗, ๔๖๐.
ปรวชฺชานุปสฺสิสฺส นิจฺจํ อุชฺฌานสญฺญิโน
อาสวา ตสฺส วฑฺฒนฺติ อารา โส อาสวกฺขยา.
คนที่เห็นแต่โทษผู้อื่น คอยแต่เพ่งโทษนั้น
อาสวะก็เพิ่มพูนเขายังไกลจากความสิ้นอาสวะ.
( พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/ ๔๙.
ยทา ทฺวเยสุ ธมฺเมสุ ปารคู โหติ พฺราหฺมโณ
อถสฺส สพฺเพ สํโยคา อตฺถํ คจฺฉนฺติ ชานโต.
เมื่อใด พราหมณ์เป็นผู้ถึงฝั่งในธรรม ๒ อย่าง
เมื่อนั้นกิเลสเครื่องตรึงทั้งปวงของพราหมณ์ผู้รู้นั้น
ย่อมถึงความตั้งอยู่ไม่ได้.
( พุทฺธ) ขุ. ธ. ๒๕/ ๖๗.
ยา กาจิมา ทุคฺคติโย อสฺมํ โลเก ปรมฺหิ จ
อวิชฺชามูลกา สพฺพา อิจฺฉาโลภสมุสฺสยา.
ทุคติในโลกนี้และโลกหน้า ล้วนมีอวิชชาเป็นราก
มีอิจฉาและโลภเป็นลำต้น.
( พุทฺธ) ขุ. อิติ. ๒๕/ ๒๕๖.
เยน สลฺเลน โอติณฺโณ ทิสา สพฺพา วิธาวติ
ตเมว สลฺลํ อพฺพุยฺห น ธาวติ น สีทติ.
บุคคลถูกลูกศรใดแทงแล้ว ย่อมแล่นไปทั่วทิศ
ถอนลูกศรนั้นแล้ว ย่อมไม่แล่นและไม่จม.
( พุทธ) ขุ. ส. ๒๕/ ๕๑๘. ขุ. มหา. ๑๙/ ๕๐๑.
โลโภ โทโส จ โมโห จ ปุริสํ ปาปเจตสํ
หึสนฺติ อตฺตสมฺภูตา ตจสารํว สมฺผลํ.
โลภะ โทสะ โมหะ เกิดจากตัวเอง ย่อมเบียดเบียนผู้มีใจชั่ว
ดุจขุยไผ่ฆ่าต้นไผ่ฉะนั้น
( พุทฺธ) ขุ. อิติ. ๒๕/ ๒๖๔. ขุ. มหา. ๒๙/ ๑๘.
อนิจฺจา อทฺธุวา กามา พหุทุกฺขา มหาวิสา
อโยคุโฬว สนฺตตฺโต อฆมูลา ทุกฺขปฺผลา.
กามทั้งหลาย ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน มีทุกข์มาก มีพิษมาก ดัง
ก้อนเหล็กที่ร้อนจัด เป็นต้นเค้าแห่งความคับแค้น มีทุกข์เป็นผล.
( สุเมธาเถรี ) ขุ. เถรี. ๒๖/ ๕๐๓.
อวิชฺชาย นิวุโต โลโก เววิจฺฉา ( ปมาทา ) นปฺปกาสติ
ชปฺปาภิเลปนํ พฺรูมิ ทุกฺขมสฺส มหพฺภยํ.
โลกถูกอวิชชาปิดบังแล้ว ไม่ปรากฏ เพราะความตระหนี่
( และความประมาท ) เรากล่าวความอยากว่า เป็นเครื่องฉาบทาโลก
ทุกข์เป็นภัยใหญ่ของโลกนั้น .
( พุทฺธ ) ขุ. สุ. ๒๕/ ๕๓๐. ขุ. จู. ๓๐/ ๙.
อิจฺฉาย พชฺฌตี โลโก อิจฺฉาวินยาย มุจฺจติ
อิจฺฉาย วิปฺปหาเนน สพฺพํ ฉินฺทติ พนธนํ.
โลกถูกความอยากผูกมัดไว้ จะหลุดได้เพราะกำจัดความอยาก ,
เพราะละความอยากเสียได้ จึงชื่อว่าตัดเครื่องผูกทั้งปวงได้.
( พุทฺธ ) สํ. ศ. ๑๕/ ๕๖.
อิจฺฉา นรํ ปริกสฺสติ อิจฺฉา โลกสฺมิ ทุชฺชหา
อิจฺฉาพทฺธา ปุถู สตฺตา ปาเสน สกุณี ยถา.
ความอยากย่อมชักลากนรชนไป ความอยากละได้ยากในโลก,
สัตว์เป็นอันมากถูกความอยากผูกมัดไว้ ดุจนางนกถูกบ่วงรัดไว้ฉะนั้น.
( พุทฺธ ) สํ. ส. ๑๕/ ๖๑.
อุเปกฺขโก สทา สโต น โลเก มญฺญตี
สมํ น วิเสสี น นีเจยฺโย ตสฺส โน สนฺติ อุสฺสทา.
ผู้วางเฉยมีสติทุกเมื่อ ไม่สำคัญตนว่าเสมอเขา ว่าดีกว่าเขา
ว่าต่ำกว่าเขาในโลก , ผู้นั้นชื่อว่า ไม่มีกิเลสเครื่องฟูขึ้น.
( พุทฺธ ) ขุ. มหา. ๒๙/ ๒๗๙. ขุ. สุ. ๒๕/ ๕๐๑.
อุจฺฉินฺนภวตณฺหสฺส สนฺตจิตฺตสฺส ภิกฺขุโน
วิกฺขีโร ชาติสํสาโร นตฺถิ ตสฺส ปุนพฺภโว.
ภิกษุผู้ถอนภวตัณหาได้แล้ว มีจิตสงบแล้ว
สิ้นความเวียนเกิดแล้ว ย่อมไม่มีภพอีก.
( พุทฺธ ) ขุ. อุ. ๒๕/ ๑๔๓.
เอวมาทีนวํ ตฺวา ตณฺหา ทุกฺขสฺส สมฺภวํ
วีตตณฺโห อนาทาโน สโต ภิกฺขุ ปริพฺพเช.
ภิกษุรู้โทษอย่างนี้ว่า ตัณหาเป็นแดนเกิดแห่งทุกข์แล้ว
พึงเป็นผู้ปราศจากตัณหา ไม่ถือมั่น มีสติอยู่ทุกอิริยาบถเถิด.
( พุทฺธ ) ขุ. สุ. ๒๕/ ๔๗๘. ขุ. จู. ๓๐/ ๓๒๐.
กามา หิ จิตฺรา มธุรา มโนรมา วิรูปรูเปน มเถนฺติ จิตฺตํ
อาทีนวํ กามคุเณสุ ทิสฺวา เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป.
กามทั้งหลาย ตระการหวานชื่นใจ ย่อมย่ำยีจิตโดยรูปร่างต่าง ๆกัน
บุคลพึงเห็นโทษในกามคุณแล้ว เที่ยวไปผู้เดียวเหมือนนอแรด.
( พุทฺธ ) ขุ. สุ. ๒๕/ ๓๓๔.
โกธํ ชเห วิปฺปชเหยฺย มานํ สญฺโญ ชนํ สพฺพมติกฺกเมยฺย
ตํ นามรูปสฺมิมสชฺชมานํ อกิญฺจนํ นานุปตนฺติ สงฺคา.
บุคคลพึงละความโกรธ พึงเลิกถือตัว พึงก้าวล่วงสังโยชน์ทั้งปวง,
( เพราะ ) เครื่องข้องทั้งหลาย ย่อมไม่ติดตามผู้ไม่ข้องในนามรูป
ไม่มีกังวลนั้น
( พุทฺธ ) สํ. ส. ๑๕/ ๓๕๐.
โกธํ ชเห วิปฺปชเหยฺย มานํ สญฺโญ ชนํ สพฺพมติกฺกเมยฺย
ตนฺนามรูปสฺมึ อสชฺชมานํ อกิญฺจนํ นานุปตนฺติ ทุกฺขา.
บุคคลพึงละความโกรธ พึงเลิกถือตัว พึงก้าวล่วงสังโยชน์ทั้งปวง,
( เพราะ ) ทุกข์ทั้งหลายย่อมไม่ติดตามผู้ไม่ข้องอยู่ในนามรูป
ไม่มีกังวลนั้น .
( พุทฺธ ) ขุ. ธ . ๒๕/ ๔๔.
ตณฺหา ชเนติ ปุริสํ จิตฺตมสฺส วิธาวติ
สตฺโต สํสารมาปาทิ ทุกฺขา น ปริมุจฺจติ.
ตัณหายังคนให้เกิด จิตของเขาย่อมวิ่งพล่าน
สัตว์ยังท่องเที่ยวไป จึงไม่พ้นจากทุกข์.
( พุทฺธ ) สํ. ส. ๑๕/ ๕๑.
ตณฺหา ชเนติ ปุริสํ จิตฺตมสฺส วิธาวติ
สตฺโต สํสารมาปาทิ ทุกฺขมสฺส มหพฺภยํ.
ตัณหายังคนให้เกิด จิตของเขาย่อมวิ่งพล่าน
สัตว์ยังท่องเที่ยวไป จึงมีทุกข์เป็นภัยใหญ่.
( พุทฺธ ) สํ. ส. ๑๕/ ๕๑.
ตณฺหา ชเนติ ปุริสํ จิตฺตมสฺส วิธาวติ
สตฺโต สํสารมาปาทิ กมฺมํ ตสฺส ปรายนํ.
ตัณหายังคนให้เกิด จิตของเขาย่อมวิ่งพล่าน
สัตว์ยังท่องเที่ยวไป จึงยังมีกรรมนำหน้า.
( พุทฺธ ) สํ. ส. ๑๕/ ๕๒.
ตณฺหาย อุฑฺฑิโต โลโก ชราย ปริวาริโต
มจฺจุนา ปิหิโต โลโก ทุกฺเข โลโก ปติฏฺฐิโต.
โลกถูกตัณหาก่อขึ้น ถูกชราล้อมไว้ ถูกมฤตยูปิดไว้
จึงตั้งอยู่ในทุกข์.
( พุทฺธ ) สํ. ส. ๑๕/ ๕๕.
นนฺทิสมฺพนฺธโน โลโก วิตกฺกสฺส วิจารณํ
ตณฺหาย วิปฺปหาเนน สพฺพํ ฉินฺทติ พนฺธนํ.
โลกมีความเพลิดเพลินเป็นเครื่องผูก มีวิตกเป็นเครื่องเที่ยวไป
เพราะละตัณหาเสียได้ จึงชื่อว่าตัดเครื่องผูกไว้ทั้งหมด.
( พุทฺธ ) สํ. ส. ๑๕/ ๕๕.
นิทฺทํ ตนฺทึ สเห ถีนํ ปมาเทน น สํวเส
อติมาเน น ติฏฺเฐยฺย นิพฺพานมนโส นโร.
คนที่นึกถึงพระนิพพาน พึงครอบงำความหลับ
ความเกียจคร้าน ความท้อแท้, ไม่พึงอยู่ด้วยความประมาท
ไม่พึงตั้งอยู่ในความทะนงตัว.
( พุทฺธ ) ขุ. สุ. ๒๕/ ๕๑๘.
นิราสตฺตี อนาคเต อตีตํ นานุโสจติ
วิเวกทสฺสี ผสฺเสสุ ทิฏฺฐีสุ จ น นิยฺยติ.
ผู้ไม่คำนึงถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง ย่อมไม่เศร้าโศกถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว,
ผู้เห็นความสงัดในผัสสะทั้งหลาย ย่อมไม่ถูกชักนำไปในทิฏฐิทั้งหลาย.
( พุทฺธ ) ขุ. สุ. ๒๕/ ๕๐๐. ขุ. มหา. ๒๙/ ๒๖๔, ๒๖๒.
ปุราณํ นาภินนฺเทยฺย นเว ขนฺติมกุพฺพเย
หิยฺยมาเน น โสเจยฺย อากาสํ น สิโต สิยา.
ไม่พึงเพลิดเพลินของเก่า ไม่พึงทำความพอใจในของใหม่
เมื่อสิ่งนั้นเสื่อมไป ก็ไม่พึงเศร้าโศก ไม่พึงอาศัยตัณหา.
( พุทฺธ ) ขุ. สุ. ๒๕/ ๕๑๘.
มจฺจุนาพฺภาหโต โลโก ชราย ปริวาริโต
ตณฺหาสลฺเลน โอติณฺโณ อิจฺฉาธูปายิโต สทา.
สัตว์โลกถูกมฤตยูขจัดแล้ว ถูกชราล้อมไว้
ถูกลูกศรคือตัณหาเสียบแล้ว ถูกอิจฉาคุกรุ่นแล้วทุกเมื่อ.
( พุทฺธ ) สํ. ส. ๑๕/ ๕๕.
มานุเปตา อยํ ปชา มานคนฺถา มานวินิพฺพทฺธา
ทิฏฺฐีสุ พฺยารมฺภกตา สํสารํ นาติวตฺตติ.
หมู่สัตว์นี้ประกอบด้วยมานะ มีมานะเป็นเครื่องร้อยรัด
ถูกมานะมัดไว้ ทำความแข่งดีเพราะทิฏฐิ ย่อมล่วงสงสารไปไม่ได้.
( พุทฺธ ) ขุ. อุ. ๒๕/ ๑๙๓.
มูฬฺโห อตฺถํ น ชานาติ มูฬฺโห ธมฺมํ น ปสฺสติ
อนฺธตมํ ตทา โหติ ยํ โมโห สหเต นรํ.
ผู้หลงย่อมไม่รู้อรรถ ผู้หลงย่อมไม่เห็นธรรม
ความหลงครอบงำคนใดเมื่อใด ความมืดมิดย่อมมีเมื่อนั้น.
( พุทฺธ ) ขุ. อิติ. ๒๕/ ๒๙๖. ขุ. มหา. ๒๙/ ๑๘.
ยสฺส นตฺถิ อิทํ เมติ ปเรสํ วาปิ กิญฺจนํ
มมตฺตํ โส อสํวินฺทํ นตฺถิ เมติ น โสจติ.
ผู้ใดไม่มีกังวลว่า นี้ของเรา นี้ของผู้อื่น
ผู้นั้นเมื่อไม่ถือว่าเป็นของเรา
จึงไม่เศร้าโศกว่าของเราไม่มี ดังนี้.
( พุทฺธ ) ขุ. สุ. ๒๕/ ๕๑๙. ขุ. มหา. ๒๙/ ๕๓๔.
โยธ กาเม อจฺจุตฺตริ สงฺคํ โลเก ทุรจฺจยํ
น โส โสจติ นาชฺเฌติ ฉินฺนโสโต อพนฺธโน.
ผู้ใดข้ามพ้นกามในโลกและเครื่องข้องที่ข้ามได้ยากในโลก ,
ผู้นั้นตัดกระแสตัณหาได้แล้ว ไม่มีเครื่องผูก,
ชื่อว่าไม่เศร้าโศก ไม่ยินดี.
( พุทฺธ ) ขุ. สุ. ๒๕/ ๕๑๙. ขุ. มหา. ๒๙/ ๕๒๗.
โย เว อวิทฺวา อุปธึ กโรติ ปุนปฺปุนํ ทุกฺขมุเปติ มนฺโท
ตสฺมา ปชานํ อุปธึ น กยิรา ทุกฺขสฺส ชาติปฺปภวานุปสฺสี.
ผู้ใดไม่รู้ ย่อมก่ออุปธิ ผู้นั้นเป็นคนเขลา เข้าถึงทุกข์บ่อย ๆ
เพราะฉะนั้น ผู้รู้เห็นแดนเกิดแห่งทุกข์ จึงไม่ควรก่ออุปธิ.
( พุทฺธ ) ขุ. สุ. ๒๕/ ๕๓๔. ขุ. จู. ๓๐/ ๘๐, ๘๑
ลุทฺโธ อตฺถํ น ชานาติ ลุทฺโธ ธมฺมํ น ปสฺสติ
อนฺธตมํ ตทา โหติ ยํ โลโภ สหเต นรํ.
ผู้โลภ ย่อมไม่รู้อรรถ ผู้โลภย่อมไม่เห็นธรรม,
ความโลภเข้าครอบงำคนใดเมื่อใด ความมืดมิดย่อมมีเมื่อนั้น.
( พุทฺธ ) ขุ. อิติ. ๒๕/ ๒๙๕. ขุ. มหา. ๒๙/ ๑๗.
วนํ ฉินฺทถ มา รุกฺขํ วนโต ชายตี ภยํ
เฉตฺวา วนญฺจ วนถญฺจ นิพฺพนา โหถ ภิกฺขโว.
ท่านทั้งหลายจงตัดป่า ( กิเลส ) อย่าตัดต้นไม้,
ภัยย่อมเกิดจากป่า ภิกษุทั้งหลาย ! พวกท่านจงตัดป่า
และสิ่งที่ตั้งอยู่ในป่าแล้ว เป็นผู้ไม่มีป่า เถิด.
( พุทฺธ ) ขุ. ธ. ๒๕/ ๕๒.
|